วันพุธที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2567

นโยบายในช่วงรัฐบาลนี้ ล่าสุด 4อัน เอื้อคนรวยหรือไม่ ผม ถามกับChartGPT

ภาพวาดโดย Amorim 6 April 2024 cartoonmovement
 

 คำถาม มาตรการเหล่านี้ ทำให้คนจนเสียเปรียบคนรวยหรือไม่ เป็นการเอื้อชนชั้นคนรวยหรือไม่ อย่างไร
1.การเก็บภาษีรถติด
2.การลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง
3.การยกเลิกภาษีแบบก้าวหน้า 
4.การเพิ่มภาษีมูลค่าเพิ่มจาก 7% เป็น 15%



วิเคราะห์ผลกระทบของมาตรการดังกล่าว


1. การเก็บภาษีรถติด

ผลกระทบ:

  • คนจนและชนชั้นกลาง:
    • ผู้มีรายได้น้อยที่ใช้รถยนต์หรือรถจักรยานยนต์เพื่อการเดินทางจำเป็น อาจไม่สามารถแบกรับภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มได้ ส่งผลให้ถูกกีดกันออกจากการใช้ถนน
    • อาจต้องพึ่งพาระบบขนส่งสาธารณะที่อาจยังไม่ครอบคลุมหรือมีประสิทธิภาพเท่าที่ควร
  • คนรวย:
    • คนรวยสามารถจ่ายภาษีได้โดยไม่กระทบต่อการใช้รถยนต์ส่วนตัว
    • ได้ประโยชน์จากถนนที่รถน้อยลง ทำให้เดินทางสะดวกและรวดเร็วขึ้น

เอื้อชนชั้นคนรวยหรือไม่:

  • มีแนวโน้มเอื้อคนรวยโดยทางอ้อม เพราะช่วยลดความแออัดบนถนนให้กับผู้ที่สามารถจ่ายภาษีได้

2. การลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง

ผลกระทบ:

  • คนจนและชนชั้นกลาง:
    • ผู้ที่ถือครองที่ดินหรือทรัพย์สินเพียงเล็กน้อยไม่ได้รับประโยชน์มากนัก
    • อาจเสียเปรียบในระยะยาว เพราะรัฐสูญเสียรายได้จากภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ซึ่งสามารถนำไปพัฒนาสาธารณูปโภคหรือช่วยเหลือประชาชนในกลุ่มนี้ได้
  • คนรวย:
    • ผู้ถือครองที่ดินหรืออสังหาริมทรัพย์จำนวนมากจะได้รับประโยชน์โดยตรงจากการลดภาษี

เอื้อชนชั้นคนรวยหรือไม่:

  • เป็นการเอื้อชนชั้นคนรวยโดยตรง เพราะลดภาระภาษีสำหรับผู้มีทรัพย์สินมาก

3. การยกเลิกภาษีแบบก้าวหน้า

ผลกระทบ:

  • คนจนและชนชั้นกลาง:
    • คนรายได้น้อยหรือมนุษย์เงินเดือนจะเสียเปรียบ เพราะการยกเลิกภาษีแบบก้าวหน้าไม่สะท้อนความแตกต่างในความสามารถในการจ่าย
    • ภาระภาษีจะกระจุกตัวอยู่ในกลุ่มรายได้ต่ำและกลางมากขึ้น
  • คนรวย:
    • ผู้มีรายได้สูงมากจะได้รับประโยชน์อย่างชัดเจน เพราะไม่ต้องจ่ายภาษีในอัตราสูง

เอื้อชนชั้นคนรวยหรือไม่:

  • เป็นการเอื้อชนชั้นคนรวยอย่างชัดเจน เพราะลดความรับผิดชอบทางภาษีของผู้มีรายได้สูง

4. การเพิ่มภาษีมูลค่าเพิ่มจาก 7% เป็น 15%

ผลกระทบ:

  • คนจนและชนชั้นกลาง:
    • คนรายได้น้อยจะได้รับผลกระทบหนัก เพราะภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นภาษีทางอ้อมที่เก็บจากการบริโภคสินค้าและบริการ ซึ่งมักเป็นสัดส่วนรายได้ที่สูงสำหรับคนกลุ่มนี้
    • การบริโภคจะลดลง เนื่องจากภาระภาษีที่เพิ่มขึ้น
  • คนรวย:
    • คนรวยอาจไม่ได้รับผลกระทบมาก เพราะรายได้ที่เหลือใช้หลังจ่ายภาษียังสูง

เอื้อชนชั้นคนรวยหรือไม่:

  • เอื้อคนรวยในทางอ้อม เพราะผลกระทบของภาษีนี้ตกหนักกับคนจนและชนชั้นกลางมากกว่า

สรุปภาพรวม

มาตรการทั้ง 4 ข้อมีแนวโน้มทำให้คนจนเสียเปรียบคนรวยในหลายมิติ:

  1. การเก็บภาษีรถติด: ช่วยลดความแออัดบนถนนให้คนรวย แต่เพิ่มภาระให้คนจน
  2. การลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง: ลดภาระภาษีให้คนรวยโดยตรง
  3. การยกเลิกภาษีแบบก้าวหน้า: ลดความเป็นธรรมในระบบภาษี ทำให้คนจนเสียเปรียบ
  4. การเพิ่มภาษีมูลค่าเพิ่ม: กระทบคนจนและชนชั้นกลางหนักที่สุด

มาตรการเหล่านี้สะท้อนแนวโน้มที่เอื้อชนชั้นคนรวยมากกว่าการสร้างความเป็นธรรมในสังคม.





วันอังคารที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2567

จากปัญหา intel Crash สู่ Undervolt Underclock CPU ในวันนั้น สู่ผลวันนี้

Intel Crash 14th คือ คืออะไร

Intel Crash 14th นั้นหมายถึงปัญหาความไม่เสถียรที่เกิดขึ้นกับซีพียู Intel รุ่นที่ 13 และ 14 (หรือ Raptor Lake) โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรุ่นที่ลงท้ายด้วยตัว K เช่น i9-13900K, i7-14700K เป็นต้น ปัญหานี้ทำให้คอมพิวเตอร์เกิดอาการค้าง, รีสตาร์ทเอง หรือเกมเกิดการ crash บ่อยครั้ง ซึ่งส่งผลกระทบต่อประสบการณ์การใช้งานของผู้ใช้เป็นอย่างมาก

สาเหตุของปัญหา

สาเหตุหลักของปัญหา Intel Crash 14th นี้ เกิดจากข้อผิดพลาดใน microcode ของ CPU ที่ทำให้มีการใช้แรงดันไฟฟ้า (Voltage) เกินกว่าที่กำหนดไว้ ส่งผลให้ CPU ทำงานไม่เสถียรและเกิดอาการดังกล่าวข้างต้น

 Underclock CPU คืออะไร

Underclock CPU หมายถึงการตั้งค่าให้ซีพียูทำงานที่ความเร็วต่ำกว่าที่ผู้ผลิตกำหนดมา โดยปกติแล้ว ซีพียูจะถูกออกแบบมาให้ทำงานที่ความเร็วสูงสุดเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพที่ดีที่สุด แต่การ Underclock นั้นเป็นการลดความเร็วลงมา เพื่อแลกกับข้อดีอื่นๆ 

Undervolt CPU คืออะไร? 

 Underclock CPU หมายถึงการลดแรงดันไฟฟ้าที่จ่ายให้กับ CPU
 

การ UC และ ผล ที่ได้ ของ Poipoi

fan seting cpu-v-core bass clock performance ratio effciceacy ration Xmp M-power (watt) temp** Max-temp*** room temp
fan silent 1.165 93 53 39 5600 179.18
77 79 28

ได้อุณหภูมิ ตามเป้า แต่ ผล คะแนนไม่ค่อยดี 

จาก การลด ความถี่สัญญาณนาฬิกา กับตัวคูณ เหลือ 93*53=4929 ทำให้หายไป 10.38%

วิเคราะห์ ผลเทส จาก 3D mark

เอาละมาดูที่ผลเทส CPU อย่างเดียวในรุ่นเดียวกัน


Highest score: 28670 คะแนนสูงสุด 
Average score: 20691 คะแนนเฉลี่ย
Your best score: 19340  คะแนน Poipoi หลัง Under Clock ก็  ถือว่าด้อยกว่าคะแนนเฉลี่ยที่ 6.5%  ก็ไม่ได้ แย่เกินไป เพราะ ค่าความถี่สัญญานนาฬิกาเราหายไป  10%
ซึ่งจะได้ ข้อดีคือ Max-watt ไม่เกิน 180watt และ อุณหภูิ ไม่เกิน 79c โดยใช้ แค่ชุดลม 
แต่ถ้าไปเทียบกับอันดับหนึ่ง นี้ดูแย่ทันที เพราะคะแนนหายไป 32.5% หรือ หายไป 1ใน 3 เลย ทีเดียว
 
 

ซึ่งถ้าเอาผลคะแนนนี้ไปเทียบ กับ i7-14700 ก็พอกัน เหมือใช้ i7-14700 แต่ซื้อแพงกว่า ไม่น่าเลย

 ซึ่งเราก็อยากรู้ว่า ถ้าไปซื้อ i7-14700 ( none-k ) มาตั้งแต่แรก จะดีกว่า i7-14700k UC ไหม?

Highest score: 23358 Average score: 16692

โดยเราจะคำนวน จาก ชุด

1. i7-14700k +ชุดน้ำสามตอน ราคา คะแนนเฉลี่ย

2.i7-14700k+ชุดลม ของผม ราคา คะแนน ที่ผมได้

3.i7-14700 พัดลมแถม ราคา0 คะแนนเฉลี่ย 

ผมใช้ชุดลมตัวนี้ Thermalright Frost Commander 140 budget air cooler

ราคาจากร้าน computeandmore 2550บาท แต่ผมซื้อจาก แอป มันมีโค้ดลด กับ เอา coin ไปลดได้อีก

จริงๆ ราคา ต่างประเทศ มัน $49.9 หรือประมาณ 34*49.9=  1,696.6 บาท  แต่เขาเอามาขายก็ต้องเอากำไร มีค่านำเข้า  ค่า ภาษีศุลกากร + vat อีก ก็นะ 

case ใช้ corsair air 540 

ส่วนชุดน้ำ ที่ตอนแรกจะ เอามาเปรียบเทียบจะเป็น ARCTIC LIQUID FREEZER III 360 4,590 บาท

แต่มันก็จะมีตัวถูกกว่าอีกหลายตัว ปรับเป็นราคาเฉลี่ย ที่ราคา 3500

ส่วนชุดลมก็มีหลายราคาเหมือนกัน ถ้าเอาเฉลี่ย คงไม่ได้เพราะราคามันห่างเกินไป แล้ว ราคา 450บาทมันใช้ไม่พอ กับ i7-14700k

เอาเป็นเฉลี่ยราคา ที่ผมใช้แล้วกัน 1,696.6 กับ 2550  เป็น 2123.3 บาท



cpu cpu price cooler fan price sum score คะแนน/฿ คะแนน/฿
i7-14700k 13870 Thermalright FC140 CPU Cooler ราคาเฉลี่ย 2,123.30 15,993 19340 1.2 1.2093
i7-14700k 13870  ชุดน้ำสามตอนราคาเฉลี่ย 3,500 17,370 20691 1.2 1.1912
i7-14700 12,490 free in box  0 12,490 16692 1.3 1.3364


 จาก คะแนน/ราคา (บาท) เมื่อเราปัดเศษ คือเท่ากันเลย 

under clock i7-14700k ของผมแย่ สุด (ความร้อยสูงสุด 79 องศาเซลเซียส )

ส่วน i7-14700k ค่าเฉลี่ยชุดน้ำ ถือว่าคุ้มค่า กับราคาชุดน้ำ เพื่อได้คะแนนเพิ่มขึ้น (ไม่ทราบความร้อน)

ส่วนดีที่สุด คือ i7-14700 เดิมๆ ( แต่ 100 องศาแน่นอน ครับ )


สรุปจากผลเทสที่ คือ ถ้าอยากได้แรง จ่ายเงินค่าชุดน้ำดีๆ คุ้ม

ถ้าอยากได้ประหยัด หรือ คะแนน/ราคา ดีๆ ใช้ i7-14700 กับพัดลมแถม  แต่ถ้า เอา none k ไปใส่ชุดน้ำสามตอนนี้ ก็ เท่ ดี 

ตัวอย่างสองเจ้าใหญ่ ประกอบ i7-14700f ใส่ชุดน้ำมา สามตอนบ้าง สองตอนบ้างละ 

ก็เมืองไทยมันร้อน ไม่งั้น เสียค่าแอร์ ฉำๆ





ก็ มีคำถามขึ้นมาว่า i7-14700 ที่ oc ไม่ได้ จำเป็นต้องใส่ชุดน้ำไหม หรือพัดลมเดิมๆก็พอ จะว่า intel มันก็ต้องออกแบบมาพออยู่แล้วลองถาม gimini ดู

i7-14700F ใช้พัดลมเดิมพอไหม? ต้องใส่ชุดน้ำหรือเปล่า?

คำตอบสั้นๆ: สำหรับ i7-14700F ที่ไม่สามารถโอเวอร์คล็อกได้ พัดลมเดิมที่มากับ CPU ก็เพียงพอต่อการใช้งานทั่วไปแล้วครับ แต่ถ้าต้องการประสิทธิภาพสูงสุด หรือใช้งานหนักๆ อย่างต่อเนื่อง การอัปเกรดเป็นชุดน้ำก็เป็นตัวเลือกที่ดี

มาดูเหตุผลกันละเอียดๆ นะครับ

ทำไมพัดลมเดิมถึงอาจไม่พอ?

  • การใช้งานหนัก: หากคุณเล่นเกมหนักๆ หรือทำงานที่ต้องใช้ CPU หนักๆ เป็นเวลานาน พัดลมเดิมอาจระบายความร้อนไม่ทัน ทำให้ CPU ร้อนเกินไป และอาจส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงาน หรือแม้แต่ทำให้ระบบค้างได้
  • สภาพแวดล้อม: อุณหภูมิห้องที่สูง หรือเคสคอมพิวเตอร์ที่ระบายอากาศไม่ดี ก็ส่งผลให้พัดลมเดิมทำงานหนักขึ้น และอาจไม่สามารถระบายความร้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ทำไมต้องใช้ชุดน้ำ?

  • ระบายความร้อนได้ดีเยี่ยม: ชุดน้ำมีประสิทธิภาพในการระบายความร้อนสูงกว่าพัดลมทั่วไปมาก ทำให้ CPU สามารถทำงานได้ที่อุณหภูมิที่ต่ำลง และมีความเสถียรมากขึ้น
  • เงียบ: ชุดน้ำทำงานเงียบกว่าพัดลม โดยเฉพาะในขณะที่ไม่ได้ใช้งานหนัก
  • ปรับแต่งได้: ชุดน้ำสามารถปรับแต่งได้หลายอย่าง เช่น ความเร็วของปั๊ม ความเร็วของพัดลม เพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งานของคุณ

เมื่อไหร่ควรใช้ชุดน้ำ?

  • โอเวอร์คล็อก: หากคุณต้องการโอเวอร์คล็อก CPU ชุดน้ำเป็นสิ่งจำเป็นในการระบายความร้อนที่เพิ่มขึ้น
  • ใช้งานหนักต่อเนื่อง: หากคุณทำงานที่ต้องใช้ CPU หนักๆ เป็นเวลานาน เช่น การเรนเดอร์วิดีโอ หรือการคำนวณทางวิทยาศาสตร์
  • ต้องการประสิทธิภาพสูงสุด: หากคุณต้องการให้คอมพิวเตอร์ทำงานได้เร็วและเสถียรที่สุด ชุดน้ำจะช่วยให้คุณได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

สรุป

สำหรับผู้ใช้งานทั่วไป: พัดลมเดิมที่มากับ CPU ก็เพียงพอแล้ว

สำหรับผู้ที่ต้องการประสิทธิภาพสูงสุด หรือใช้งานหนัก: ชุดน้ำเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า

ปัจจัยอื่นๆ ที่ควรพิจารณา:

  • งบประมาณ: ชุดน้ำมีราคาสูงกว่าพัดลมเดิม
  • ความซับซ้อนในการติดตั้ง: ชุดน้ำต้องใช้ความรู้และความระมัดระวังในการติดตั้งมากกว่าพัดลมเดิม
  • ขนาดของเคส: ชุดน้ำบางรุ่นอาจไม่เหมาะกับเคสคอมพิวเตอร์ขนาดเล็ก

คำแนะนำเพิ่มเติม:

  • ตรวจสอบอุณหภูมิ CPU: หากคุณสังเกตว่า CPU ร้อนเกินไป หรือระบบค้างบ่อยๆ อาจต้องพิจารณาอัปเกรดคูลเลอร์
  • เลือกชุดน้ำที่เหมาะสม: หากคุณตัดสินใจเลือกใช้ชุดน้ำ ควรเลือกชุดน้ำที่มีขนาดและประสิทธิภาพที่เหมาะสมกับเคสคอมพิวเตอร์ของคุณ

ก็ เขาบอกมาแบบนี้ ก็ต้องดู ว่าห้องร้อนไหม เคส ร้อนไหม อะไรด้วย พูดง่ายๆถ้าเคสดีห้องติดแอร์+มีเงินจ่ายค่าไฟ ก็ไม่จำเป็น ประมาณนั้น

จริงๆ เอาไปถาม พนักงานร้าน เขาเชียวชาญมากกว่า poipoi แต่ poipoi  ไม่ได้อยากจะขายชุดน้ำ หรือไม่มีผลประโยชน์ ทางการค้าใดๆ  

ส่วน ผม ไม่ได้ใช้ชุดน้ำ แต่ ใช้อีกวิธี คือการ underclock แทน เย็น เหมือนกัน แล้วประหยัดไฟด้วย 


แล้วก็มาย้อนถามตัวเองว่าทำไม (ให้ ai ตอบ)

ทำไมถึงเลือก Underclock i7-14700K แทนที่จะซื้อ i7-14700?

การตัดสินใจเลือก Underclock i7-14700K แทนที่จะซื้อ i7-14700 นั้น มีเหตุผลที่หลากหลาย ขึ้นอยู่กับความต้องการและปัจจัยต่างๆ ของผู้ใช้งาน แต่โดยทั่วไปแล้ว สามารถสรุปเหตุผลหลักๆ ได้ดังนี้ครับ

เหตุผลที่เลือก Underclock i7-14700K

  • ต้องการความเสถียรสูง: ผู้ที่ทำงานที่ต้องการความเสถียรสูง เช่น การเรนเดอร์วิดีโอ การตัดต่อวิดีโอ หรือการใช้งานโปรแกรมที่ต้องการทรัพยากร CPU อย่างต่อเนื่อง การ Underclock จะช่วยลดความร้อนและความเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาต่างๆ เช่น การค้าง หรือการรีสตาร์ท
  • ต้องการประหยัดพลังงาน: สำหรับผู้ที่เน้นการประหยัดพลังงาน การลดความเร็วของ CPU จะช่วยลดการใช้พลังงานของระบบได้อย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ใช้งานคอมพิวเตอร์ต่อเนื่องเป็นเวลานาน
  • ต้องการลดความร้อน: ผู้ที่ต้องการลดความร้อนภายในเคสคอมพิวเตอร์ การ Underclock จะช่วยลดการผลิตความร้อนของ CPU ทำให้ส่วนประกอบอื่นๆ ในเครื่องเย็นลง อายุการใช้งานยาวนานขึ้น
  • มี CPU i7-14700K อยู่แล้ว: บางคนอาจมี CPU i7-14700K อยู่แล้ว แต่ต้องการเพิ่มประสิทธิภาพในด้านอื่นๆ เช่น ความเสถียร หรือการประหยัดพลังงาน การ Underclock จึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ
  • ต้องการทดลอง: บางคนอาจต้องการทดลองปรับแต่งระบบคอมพิวเตอร์ของตนเอง การ Underclock ก็เป็นหนึ่งในวิธีการปรับแต่งที่สามารถทำได้

ทำไมไม่ซื้อ i7-14700?

  • งบประมาณจำกัด: i7-14700K อาจมีราคาสูงกว่า i7-14700 ทำให้ผู้ที่มีงบประมาณจำกัดเลือกที่จะซื้อ i7-14700K ที่มีอยู่แล้วมาปรับแต่งแทน
  • ไม่ต้องการประสิทธิภาพสูงสุด: สำหรับงานทั่วไปที่ไม่ต้องการประสิทธิภาพสูงสุด การใช้ i7-14700 ก็เพียงพอแล้ว การซื้อ i7-14700K แล้วมา Underclock อาจไม่คุ้มค่า
  • ต้องการความยืดหยุ่นในการปรับแต่ง: การมี CPU ที่แรงกว่า แล้วค่อยมาปรับลดความเร็ว จะทำให้มีพื้นที่ในการปรับแต่งได้มากกว่า

สรุป

การเลือก Underclock i7-14700K หรือซื้อ i7-14700 ขึ้นอยู่กับความต้องการและปัจจัยต่างๆ ของแต่ละบุคคล หากคุณต้องการความเสถียรสูง ประหยัดพลังงาน หรือมี CPU i7-14700K อยู่แล้ว การ Underclock อาจเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ แต่ถ้าคุณต้องการประสิทธิภาพสูงสุดและไม่ต้องการปรับแต่งระบบมากนัก การซื้อ i7-14700 อาจเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า

คำแนะนำ:

  • ศึกษาข้อมูลให้ละเอียด: ก่อนตัดสินใจ ควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับ CPU ทั้งสองรุ่น รวมถึงวิธีการ Underclock ให้เข้าใจอย่างถ่องแท้
  • ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ: หากไม่มั่นใจ สามารถปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านฮาร์ดแวร์เพื่อขอคำแนะนำ

คำถามเพิ่มเติม:

  • คุณมีเหตุผลอื่นๆ ที่ทำให้สนใจการ Underclock i7-14700K หรือไม่?
  • คุณมีงบประมาณในการอัปเกรดคอมพิวเตอร์เท่าไหร่?
  • งานที่คุณทำประจำวันคืออะไร?

หมายเหตุ: ข้อมูลข้างต้นเป็นข้อมูลทั่วไป การปรับแต่งคอมพิวเตอร์ควรทำด้วยความระมัดระวัง และควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญหากไม่มั่นใจ

ข้อดีและข้อเสียของการ Underclock CPU i7-14700K

การ Underclock CPU i7-14700K คือการลดความเร็วในการทำงานของ CPU ลงจากค่าที่ตั้งโรงงานมา เพื่อให้ CPU ทำงานที่ความเร็วที่ต่ำลง ซึ่งจะส่งผลให้เกิดข้อดีและข้อเสีย ดังนี้ครับ

ข้อดีของการ Underclock

  • ลดอุณหภูมิ: การทำงานที่ความเร็วต่ำลงจะทำให้ CPU สร้างความร้อนน้อยลง ทำให้อุณหภูมิของ CPU ลดลง ส่งผลให้ระบบมีความเสถียรมากขึ้น
  • ประหยัดพลังงาน: การลดความเร็วของ CPU จะช่วยลดการใช้พลังงานของระบบ ทำให้ประหยัดค่าไฟฟ้าในระยะยาว
  • เพิ่มอายุการใช้งาน: การทำงานที่อุณหภูมิต่ำลงจะช่วยยืดอายุการใช้งานของ CPU ได้มากขึ้น
  • ลดเสียงรบกวน: พัดลมระบายความร้อนจะทำงานช้าลง ทำให้เกิดเสียงรบกวนน้อยลง

ข้อเสียของการ Underclock

  • ประสิทธิภาพลดลง: การลดความเร็วของ CPU จะทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานโดยรวมลดลง เช่น การเล่นเกม การเรนเดอร์วิดีโอ หรือการทำงานที่ต้องใช้ทรัพยากรของ CPU สูงๆ จะช้าลง
  • สูญเสียศักยภาพของ CPU: i7-14700K เป็น CPU ที่มีประสิทธิภาพสูง การ Underclock จะทำให้สูญเสียศักยภาพของ CPU ไปโดยเปล่าประโยชน์
  • ต้องใช้เวลาในการปรับแต่ง: การหาค่าที่เหมาะสมในการ Underclock ต้องใช้เวลาและความรู้พอสมควร

ควร Underclock หรือไม่?

การตัดสินใจว่าจะ Underclock CPU หรือไม่ขึ้นอยู่กับความต้องการในการใช้งานของคุณ หากคุณเน้นเรื่องความเสถียรของระบบ และไม่ต้องการประสิทธิภาพสูงสุด การ Underclock อาจเป็นตัวเลือกที่ดี แต่หากคุณต้องการประสิทธิภาพสูงสุดในการเล่นเกม หรือทำงานที่ต้องใช้ทรัพยากรของ CPU สูงๆ การ Underclock อาจไม่ใช่ทางเลือกที่ดีที่สุด

กรณีที่ควรพิจารณา Underclock:

  • ระบบมีปัญหาความร้อนสูง: หาก CPU ของคุณมีอุณหภูมิสูงเกินไปจนทำให้ระบบไม่เสถียร การ Underclock อาจช่วยแก้ปัญหาได้
  • ต้องการเพิ่มอายุการใช้งานของ CPU: หากคุณต้องการให้ CPU ของคุณใช้งานได้นานขึ้น การ Underclock อาจเป็นตัวเลือกหนึ่ง
  • ต้องการลดเสียงรบกวน: หากคุณต้องการให้ระบบทำงานเงียบขึ้น การ Underclock อาจช่วยลดเสียงรบกวนจากพัดลมระบายความร้อนได้

สรุป

การ Underclock CPU i7-14700K มีทั้งข้อดีและข้อเสีย คุณควรพิจารณาถึงความต้องการในการใช้งานของคุณก่อนตัดสินใจ หากคุณไม่แน่ใจว่าจะทำอย่างไร สามารถปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านฮาร์ดแวร์ได้

คำถามเพิ่มเติม:

  • คุณมีปัญหาเรื่องความร้อนของ CPU หรือไม่?
  • คุณต้องการให้ระบบทำงานเงียบขึ้นหรือไม่?
  • คุณใช้งานคอมพิวเตอร์เพื่ออะไรเป็นหลัก? (เช่น เล่นเกม, ทำงานกราฟิก, ทำงานเอกสาร)

คำตอบสำหรับคำถามเหล่านี้จะช่วยให้ผมสามารถให้คำแนะนำที่ตรงกับความต้องการของคุณได้มากขึ้นครับ

 

โห มันด่าได้แทงใจดำ ตรง  สูญเสียศักยภาพของ CPU: i7-14700K

มาทางนี้แล้ว ก็เลยตามเลย จะให้ ซื้อชุดน้ำสามตอนมาใส่ใหม่ ก็ไม่มีเงิน 

 

https://www.3dmark.com/3dm/122311195?


วันพฤหัสบดีที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2567

การเปลี่ยนแปลงของตลาดอีคอมเมิร์ซไทยหลังการปิดตัวของ JD Central และ Weloveshopping และการเข้ามาของ TikTok Shop และ Temu

 


การปิดตัวของ JD Central และ Weloveshopping ในปีที่แล้ว (พ.ศ. 2566 ) ทำให้ภาพรวมของตลาดอีคอมเมิร์ซไทยเปลี่ยนแปลงไป  โดยเหลือเพียง Lazada และ Shopee เป็นผู้เล่นรายใหญ่สองรายที่ครองตลาด และการเข้ามาของ TikTok Shop และ Temu

 หลังจากที่ JD Central และ Weloveshopping ตัดสินใจถอนตัวออกจากตลาดอีคอมเมิร์ซไทยในปี 2566 ทำให้ Lazada และ Shopee กลายเป็นผู้เล่นรายใหญ่ที่ครองส่วนแบ่งตลาดเป็นหลัก อย่างไรก็ตาม สถานการณ์กลับมีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้นเมื่อแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียอย่าง TikTok และแอปพลิเคชันช้อปปิ้งข้ามพรมแดนอย่าง Temu เข้ามาแข่งขันในตลาดไทย

 

 

JD Central ปิดในวันที่ 3 มี.ค. 2566 

Weloveshopping ปิดไปตอนปี 30 มิถุนายน 2566

ตอนนี้ เหลือ คู่แข่งหลัก 2เจ้าคือ Lazada และ  Shoppee

เหมือนช่วงแรก ลาซาด้า กินส่วนแบ่งเยอะกว่า 

แต่ตอนนี้ ช็อปปี้ กำไรมากกกว่า 

เอาละสำหรับผู้บริโภค ที่อยากให้มีการแข่งขัน ไม่อยากให้มีเจ้าเดียวผูกขาดต้องทำยังไง?
ตอบโดย poipoi
อย่าให้เจ้าที่ด้อยกว่าเจ๊ง อุดหนุน เจ้าที่เป็นมวยรองบ้าง มวยรองตอนนี้ อาจจะเป็นเจ้าเล็กๆที่ไม่ใช่ ทั้งลาซาด้าหรือช็อบปี้ ก็ได้

ตอบโดย Gimini

ผู้บริโภคควรทำอย่างไรเพื่อให้มีการแข่งขัน

  1. เปรียบเทียบราคาและคุณภาพสินค้า: ก่อนตัดสินใจซื้อสินค้า ควรเปรียบเทียบราคาและคุณภาพจากหลายๆ แพลตฟอร์ม รวมถึงร้านค้าออนไลน์อื่นๆ ที่อาจมีราคาที่น่าสนใจกว่า
  2. ใช้บริการเปรียบเทียบราคา: มีเว็บไซต์และแอปพลิเคชันหลายตัวที่ช่วยเปรียบเทียบราคาสินค้าจากหลากหลายร้านค้า
  3. สนับสนุนร้านค้าเล็กและผู้ประกอบการรายย่อย: การซื้อสินค้าจากร้านค้าเล็กหรือผู้ประกอบการรายย่อยผ่านช่องทางออนไลน์จะช่วยกระจายอำนาจทางการตลาด และสร้างความหลากหลายให้กับตลาด
  4. ให้ความสำคัญกับรีวิวจากผู้บริโภคคนอื่น: การอ่านรีวิวจากผู้ที่เคยซื้อสินค้าจะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ถูกต้องมากขึ้น
  5. แจ้งปัญหาและข้อเสนอแนะไปยังแพลตฟอร์ม: หากพบปัญหาในการใช้งานหรือไม่พอใจกับบริการ ควรแจ้งไปยังแพลตฟอร์มเพื่อให้มีการปรับปรุง
  6. แบ่งปันประสบการณ์การใช้งาน: การบอกต่อประสบการณ์การใช้งานของคุณให้กับคนอื่นๆ จะช่วยให้ผู้บริโภคคนอื่นๆ ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น และอาจส่งผลให้แพลตฟอร์มต่างๆ ตระหนักถึงความสำคัญของผู้บริโภคมากขึ้น
  7. สนับสนุนให้มีการแข่งขันในตลาด: ผู้บริโภคสามารถเข้าร่วมกิจกรรมหรือแคมเปญที่ส่งเสริมการแข่งขันในตลาด เช่น การลงชื่อในแคมเปญเรียกร้องให้มีการแข่งขันที่เป็นธรรม
  8. พิจารณาใช้บริการตลาดกลางอื่นๆ: หากมีตลาดกลางอื่นๆ เกิดขึ้นมา ควรลองใช้บริการเพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยงและเพิ่มตัวเลือกให้กับตัวเอง

สิ่งที่ภาครัฐควรทำ

  • ส่งเสริมการแข่งขันที่เป็นธรรม: ภาครัฐควรมีกฎหมายและมาตรการที่ส่งเสริมการแข่งขันที่เป็นธรรมในตลาดอีคอมเมิร์ซ
  • ปกป้องสิทธิของผู้บริโภค: ภาครัฐควรมีหน่วยงานที่ดูแลและปกป้องสิทธิของผู้บริโภคในการซื้อสินค้าและบริการออนไลน์
  • สนับสนุนผู้ประกอบการรายย่อย: ภาครัฐควรมีนโยบายที่สนับสนุนให้ผู้ประกอบการรายย่อยเข้าถึงเทคโนโลยีและช่องทางการขายออนไลน์

สรุป

แม้ว่าปัจจุบันตลาดอีคอมเมิร์ซในไทยจะมีผู้เล่นรายใหญ่เพียงสองราย แต่ผู้บริโภคยังมีอำนาจในการเลือกและตัดสินใจ ซึ่งจะช่วยให้ตลาดมีความหลากหลายและมีการแข่งขันมากขึ้น การที่ผู้บริโภคตระหนักถึงสิทธิของตนเองและร่วมมือกันสร้างแรงกดดัน จะเป็นส่วนสำคัญในการผลักดันให้ตลาดอีคอมเมิร์ซในไทยพัฒนาไปในทิศทางที่ดีขึ้น

วันศุกร์ที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2567

ุถ้ายกเลิกอัตราภาษีก้าวหน้า( อัตราภาษีเงินได้ แบบขั้นบันได)

 

cartoon by Tjeerd Royaards 3 "www.cartoonmovement.com/cartoon/income-tax"

บทความ: ผลกระทบของนโยบายภาษีต่อความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ

นโยบายภาษีเป็นเครื่องมือสำคัญที่รัฐบาลใช้ในการกระจายรายได้และส่งเสริมความเท่าเทียมในสังคม อย่างไรก็ตาม นโยบายภาษีแต่ละประเภทก็มีผลกระทบที่แตกต่างกันต่อกลุ่มคนที่มีรายได้ต่างกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นของความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ

นโยบายภาษีที่เป็นประเด็นถกเถียง

  • การยกเลิกภาษีขั้นบันได(อัตราภาษีก้าวหน้า): การเปลี่ยนแปลงจากระบบภาษีขั้นบันไดไปเป็นระบบภาษีอัตราเดียว หรือการลดอัตราภาษีสูงสุด มักถูกมองว่าเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มคนที่มีรายได้สูง เนื่องจากจะทำให้พวกเขาเสียภาษีน้อยลง ขณะที่คนที่มีรายได้น้อย ไม่ได้รับประโยชน์ (  ก  คนที่มีรายได้ต่อเดือนน้อยกว่า 62,500.00* บาท/เดือน )
  • การเพิ่มภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT): ภาษี VAT เป็นภาษีอุปโภคบริโภคที่เก็บจากผู้บริโภคโดยตรง ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว คนที่มีรายได้น้อยจะได้รับผลกระทบจากภาษี VAT มากกว่า เนื่องจากสัดส่วนรายได้ที่ใช้ไปกับการบริโภคจะสูงกว่า ( หลายคน ใช้เงินเดือน/ค่าจ้างรายวัน ไปกับการบริโภคทั้งหมด ต่างจากคนรวย**)
  • สิทธิประโยชน์ทางภาษี: การให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีแก่กลุ่มบุคคลหรือกิจกรรมบางอย่าง เช่น การลดหย่อนภาษีสำหรับการลงทุน หรือการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีแก่บริษัทข้ามชาติ อาจนำไปสู่ความไม่เท่าเทียมในการเสียภาษี เนื่องจากกลุ่มคนที่มีรายได้สูงและบริษัทขนาดใหญ่มีโอกาสเข้าถึงสิทธิประโยชน์เหล่านี้ได้มากกว่า

ผลกระทบต่อคนรวยและคนจน

  • คนรวย: การยกเลิกภาษีขั้นบันไดและการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี จะช่วยลดภาระภาษีของคนรวย ทำให้พวกเขามีรายได้สุทธิเพิ่มขึ้นและสามารถรักษาหรือเพิ่มพูนความมั่งคั่งได้มากขึ้น ผู้สนับสนุนนโยบายเหล่านี้มักอ้างว่าการลดภาษีจะกระตุ้นให้เกิดการลงทุนและสร้างงาน
  • คนจน: การเพิ่มภาษี VAT และการลดสิทธิประโยชน์ทางภาษีบางประเภท จะทำให้ค่าครองชีพของคนจนสูงขึ้น ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตและความสามารถในการออมเงินเพื่อการศึกษาหรือการลงทุนในอนาคต นอกจากนี้ การลดภาษีสำหรับคนรวยยังอาจทำให้ช่องว่างทางเศรษฐกิจระหว่างคนรวยและคนจนกว้างขึ้น

ประเด็นที่น่าสนใจและคำถาม

  • ความเป็นธรรม: นโยบายภาษีควรออกแบบมาเพื่อให้มีความเป็นธรรมและแบ่งเบาภาระภาษีให้เท่าเทียมกันมากที่สุด
  • การกระตุ้นเศรษฐกิจ: นโยบายภาษีควรมีความสมดุลระหว่างการกระตุ้นเศรษฐกิจและการสร้างรายได้ให้รัฐบาล
  • การลดความเหลื่อมล้ำ: นโยบายภาษีควรมีส่วนช่วยลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสร้างสังคมที่เป็นธรรม
  • ทางเลือกอื่น: มีทางเลือกอื่นใดบ้างในการจัดเก็บภาษีที่สามารถสร้างความเป็นธรรมและกระตุ้นเศรษฐกิจได้ เช่น ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ภาษีทรัพย์สิน หรือภาษีการทำธุรกรรมทางการเงิน
  • การปฏิรูปภาษี: ควรมีการปรับปรุงกฎหมายและระเบียบเกี่ยวกับการใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีเพื่อป้องกันการหลีกเลี่ยงภาษีหรือไม่
  • บทบาทของรัฐ: สังคมควรให้ความสำคัญกับการลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจมากน้อยเพียงใด และรัฐบาลควรมีบทบาทอย่างไรในการแก้ไขปัญหานี้

สรุป

นโยบายภาษีมีผลกระทบอย่างมากต่อความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ การออกแบบนโยบายภาษีที่เหมาะสมจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องคำนึงถึงทั้งประโยชน์ทางเศรษฐกิจและความเป็นธรรมในสังคม การอภิปรายและการมีส่วนร่วมของประชาชนในการกำหนดนโยบายภาษีจึงเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อให้ได้มาซึ่งนโยบายที่ตอบสนองต่อความต้องการของสังคมส่วนใหญ่

หมายเหตุ: บทความนี้เป็นเพียงการนำเสนอข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับนโยบายภาษีและผลกระทบต่อความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ เพื่อให้ผู้อ่านได้นำไปพิจารณาและศึกษาเพิ่มเติม

*ผู้ที่มีรายได้ระหว่าง 500,001 - 750,000 บาท/ปี ต้องจ่ายภาษีเรต 15%
และเรตสูงสุดผู้ที่มีรายได้ตั้งแต่ 5,000,001บาท/ปีขึ้นไป จะจ่ายภาษีเรต 35% และเมื่อยกเลิก เขาจะจายภาษีเพียง  15% หายไป 20% 


** จากการศึกษาและข้อมูลที่มีอยู่ พบว่าโดยทั่วไปแล้ว คนรวยมักจะใช้จ่ายกับการบริโภคเพียงส่วนน้อยของรายได้ทั้งหมด พวกเขาจะนำเงินส่วนใหญ่ไปลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ เช่น หุ้น ตราสารหนี้ อสังหาริมทรัพย์ หรือธุรกิจ เพื่อสร้างรายได้ในระยะยาว

เหตุผลที่คนรวยมักไม่เน้นการบริโภคมากนัก ได้แก่:

  • การสร้างความมั่งคั่ง: คนรวยมักมีความเข้าใจในหลักการทางการเงินและรู้จักวิธีการสร้างความมั่งคั่ง พวกเขาจึงเน้นการลงทุนมากกว่าการใช้จ่าย
  • การรักษามูลค่าเงิน: เงินเฟ้อทำให้มูลค่าเงินลดลงเรื่อยๆ การลงทุนจึงเป็นวิธีหนึ่งในการรักษามูลค่าเงินให้คงอยู่
  • อิสระทางการเงิน: การมีทรัพย์สินมากมายทำให้คนรวยมีอิสระทางการเงิน สามารถใช้ชีวิตได้อย่างสบายใจโดยไม่ต้องกังวลเรื่องรายได้

สรุป: แม้ว่าจะไม่มีตัวเลขที่แน่นอน แต่โดยทั่วไปแล้วคนรวยมักจะใช้จ่ายกับการบริโภคน้อยกว่าคนที่มีรายได้น้อย และจะนำเงินส่วนใหญ่ไปลงทุนเพื่อสร้างความมั่งคั่งในระยะยาว

อัตราภาษีก้าวหน้า: ระบบที่หลายประเทศทั่วโลกนำมาใช้

อัตราภาษีก้าวหน้า (Progressive Tax Rate) คือระบบการเก็บภาษีที่ผู้มีรายได้สูงจะต้องเสียภาษีในอัตราที่สูงกว่าผู้มีรายได้น้อย โดยแบ่งรายได้ออกเป็นช่วงๆ และกำหนดอัตราภาษีที่แตกต่างกันสำหรับแต่ละช่วง

เหตุผลที่หลายประเทศเลือกใช้ระบบนี้:

  • ความเป็นธรรม: ถือเป็นการกระจายภาระภาษีให้เป็นธรรมมากขึ้น ผู้ที่มีรายได้สูงซึ่งสามารถแบกรับภาระได้มากกว่าก็จะต้องจ่ายภาษีในสัดส่วนที่มากกว่า
  • ลดความเหลื่อมล้ำ: ช่วยลดช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจน ทำให้สังคมมีความเท่าเทียมมากขึ้น
  • กระตุ้นเศรษฐกิจ: เงินภาษีที่ได้สามารถนำไปใช้ในการพัฒนาประเทศ สร้างโอกาสให้กับคนกลุ่มอื่นๆ

ประเทศที่ใช้อัตราภาษีก้าวหน้า

หลายประเทศทั่วโลกนำระบบภาษีก้าวหน้ามาใช้ โดยมีรายละเอียดและอัตราภาษีที่แตกต่างกันไป ตัวอย่างเช่น:

  • สหรัฐอเมริกา: มีระบบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่ซับซ้อน มีการแบ่งช่วงรายได้และอัตราภาษีที่หลากหลาย
  • สหราชอาณาจักร: มีระบบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่คล้ายคลึงกับสหรัฐอเมริกา
  • ประเทศในยุโรปส่วนใหญ่: เช่น เยอรมนี ฝรั่งเศส อิตาลี เป็นต้น ต่างก็มีระบบภาษีก้าวหน้า
  • ประเทศในเอเชีย: เช่น ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน ก็มีการใช้ระบบภาษีก้าวหน้าเช่นกัน

ประเทศไทย

ประเทศไทยก็มีการใช้ระบบภาษีก้าวหน้าสำหรับภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา โดยแบ่งรายได้ออกเป็นช่วงๆ และกำหนดอัตราภาษีที่แตกต่างกันไปตามช่วงรายได้


ข้อดีและข้อเสียของระบบภาษีก้าวหน้า

  • ข้อดี:
    • เป็นธรรม
    • ลดความเหลื่อมล้ำ
    • กระตุ้นเศรษฐกิจ
  • ข้อเสีย:
    • ระบบซับซ้อน
    • อาจทำให้ผู้ที่มีรายได้สูงไม่ต้องการทำงานมากขึ้น
    • การกำหนดขั้นและอัตราภาษีที่เหมาะสมเป็นเรื่องที่ซับซ้อน

สรุป

ระบบภาษีก้าวหน้าเป็นระบบที่ได้รับความนิยมในหลายประเทศ เนื่องจากเป็นระบบที่ค่อนข้างเป็นธรรมและช่วยลดความเหลื่อมล้ำในสังคม อย่างไรก็ตาม การออกแบบระบบภาษีให้มีประสิทธิภาพและเป็นธรรมนั้นต้องอาศัยการพิจารณาหลายปัจจัย และอาจมีข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกันไปในแต่ละบริบท

หากคุณต้องการทราบรายละเอียดเกี่ยวกับระบบภาษีของประเทศใดเป็นพิเศษ สามารถสอบถามได้เลยค่ะ

คำถามเพิ่มเติม:

  • คุณอยากทราบเกี่ยวกับระบบภาษีของประเทศใดเป็นพิเศษหรือไม่?
  • คุณสนใจเปรียบเทียบระบบภาษีระหว่างประเทศต่างๆ หรือไม่?
  • คุณมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการคำนวณภาษีแบบขั้นบันไดเพิ่มเติมหรือไม่?

หมายเหตุ: ข้อมูลนี้เป็นข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับระบบภาษีแบบขั้นบันได การนำไปใช้จริงอาจมีความแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ ขอแนะนำให้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านภาษีเพื่อขอคำแนะนำที่ถูกต้องและเป็นปัจจุบัน

 

การเดา  คนชั้นกลาง ที่จะกลายคนจน และคอยดูคนรวยจะยิ่งรวยขึ้น ใน 1ชั่วอายุคน ช่องว่างความรวยความจน จะถ่างออกไปอีก ตอนนี้เขาก็ว่า คนไทยจำนวน 1 % แต่ถือครองทรัพย์สินของคนไทยจำนวน 99%    ซึ่งตอนนี้ยังไม่จริง แต่ในอนาคต เป็นไปได้  ถ้ายกเลิก อัตราภาษีก้าวหน้า และหรือออกกฎหมาย/แก้กฎหมาย เพื่อคนรวยๆ เพิ่มอีก

 ข้อมูลจากปี 2015 ระบุว่าความมั่งคั่ง 56% ของประเทศไทยถือครองโดยคนเพียง 1% เท่านั้น อ้างอิง

 

 

วันเสาร์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

เพิ่งรู้ว่า โปรแกรม winzip ไม่มีขายขาดอีกแล้ว ไม่อยากจ่ายรายเดือนทำไงดี ( แต่ winrar ยังมี และ 7zip ยังฟรี)

เพิ่งรู้ว่า โปรแกรม winzip ไม่มีขายขาดอีกแล้ว แต่ winrar ยังมี และ 7zip ยังฟรี

เรื่องมีอยู่ว่าเห็น winzip ลดราค 73% เลยเขาไปดูแต่ๆๆ 

มันมีแต่รายปี ไม่มีซื้อขาดอีกแล้ว 

 
นี้ก็เลยลองตามหา ว่ามีใครขายกล่องเวอร์ชั่นเก่าๆ อยู่ไหม 
 
ราคา นี้เมิงเถื่อนแน่นอน

 ส่วนคนซื้อเพียบ ร้านแนะนำในช็อปปี้นะเว้ย แต่ๆ ไปดูที่เม้นที่สามบอก  "ใช่ไม่ได้ถ้าเครื่องมี Antivirus Kaspersky" 
 
 
 
 
ถ้าใคร ฉลาดพอ หรือไม่งกมากเกินไป คงรู้ว่าไม่ควรใช้ของแบบนี้ เอาละผมก็ไป หา โปรแกรมอื่นก็ได้ Winrarแล้วกัน29 ดอล รวม vat ก็ราวๆ 1500 แต่ๆ เดียวนะ มันมีหารคีย์กันนี้ น่าจะมี resale แบบ ซื้อ มา500 คีย์ แล้ว ขายปลีกเอง
 


ก็ลองไปค้นดู เจอ พันสอง ถูก กว่าสอง-สามร้อย 

ราคาไม่เร้าใจ หาต่อเจอ 49บาท อันนี้เมิงไม่ใช่ละ ถ้าจะใช้ของพวกนี้ ก็ไม่ต่างจาก แมวโตะ  แต่นั่นฟรีนะ

ก็ราคาที่เป็นไปได้ อยู่ที่ราวๆ 10-14.99 ดอล  ขึ้นไป เพราะราคานี้ คนซื้อผมซื้อเพราะถูกไปครึ่ง 

ส่วนที่เป็นไปไม่ได้ คือต่ำกว่าหรือเท่ากับ 6ดอล  เพราะ เป็นราคาถูกที่สุด ที่คนขายไม่ได้อะไร แถมขาดทุนค่าธรรมเนียม/ภาษีอีก ด้วย 

เอาตรงๆ ไม่ซื้อดีกว่า ไปใช้ 7-Zip ของฟรีแต่ดี ดีกว่า

เปรียบเทียบสามตัวนะ

winzip แพงสุด แถมใช้ได้แค่ปีเดียวแต่ถ้าจำเป็นก็ต้องซื้อ

แต่ๆ ช้าก่อน อย่างเพิ่งสมัครรายปี  winzip ยังมีเวอร์ชั่นเก่าๆ ขายปลีกอยู่อีก ตามรูปที่แสดงข้างล่าง ซื้อขาด มันจะคุ้มกว่าแค่ไม่กี่ปี หรือไม่ก็ ไปเอา winrar หรือ 7-zip แทน









แต่ๆ ผมก็ไปขุดเมล ผมเคสซื้อ winzip ไว้แล้วนีั ซื้อ winzip 25 pro ตั้งแต่ปี 2020 ตอนนี้ 4ปีแล้ว ถ้าหาร ก็คุ้ม จำไม่ได้ว่าซื้อมาเท่าไหร่ แต่ตอนนี้ก็ยังมีขาย จากทีเช็คดู เวอร์ชั่นล่าสุดที่ซื้อขาดได้คือ winzip 28




 

ปล.ลืม พูดถึง ความเป็นส่วนตัว การรวบรวมข้อมูลผู้ใช้ การรู้ผู้ใช้ ฯลฯ ตัวที่ปลอดภัยที่สุดคือ 7-Zip 

รองลงมาคือ winrar 

ถ้ามีคนบอกว่า ไฟล์ Zip สามารถ สืบได้ว่า ใช้บัตรเครดิตตัวไหนจ่ายเงิน เจ้าของบัตรชื่ออะไร  จริงไม่จริงไม่รู้ แต่บางคนเชื่ออย่างนั้น  แต่ผมไม่มีปัญหา ไม่ใช่ผมเชื่อหรือไม่เชื่อ แต่ รู้ผมไปก็เท่านั้น อาจจะได้แค่ ยิงโฆษณา แค่นั้น