วันจันทร์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2568

'ตู้สติกเกอร์ ห้ามผู้ชายเข้า ' สมเหตุสมผลในญี่ปุ่น แต่ถูกประณามจากโลกตะวันตก

  'ตู้สติกเกอร์ ห้ามผู้ชายเข้า ' สมเหตุสมผลในญี่ปุ่น แต่ถูกประณามจากโลกตะวันตก


*คำเตือน ผมอยู่ข้างญี่ปุ่น  อาจทำให้ Woke ไม่พอใจ แต่ไม่เป็นไร โพสฝ่ายนั้นเยอะแยะ ต้องมีโพสนี้ถ่วงดุล*
 ตู้สติกเกอร์ใน ประเทศญี่ปุ่น "ห้ามผู้ชายเข้ามาถ่าย"ทำให้ กลุ่มเท่าเทียม  ที่ยึดถือหลักการไม่เลือกปฏิบัติ (Non-Discrimination) ในโลกตะวันตก  ออกมาประนามกัน ในชุมชน มานานแล้ว 
ทั้งที่ เรื่องนี้ เป็นปกติและสมควรทำ ในญี่ปุ่น แต่สำหรับฝรั่งต่างชาติ กลับด่าทอโดยที่จะไม่ยอมทำความเข้าใจ (*มีตัวอย่าง)
ทั้งที่เรื่องนี้มันมีปัญหามาก่อน และนี้คือการป้องการปัญหานั้น เพื่อปกป้องน้องๆ เพศหญิง ต่างหาก 
เรียงเป็นข้อๆ

อย่างแรก: ผู้ชายแปลกหน้า หรือลุงหัวล้านแบบในโดจิน ไม่ใช่กลุ่มลูกค้า   ของตู้สติกเกอร์ 

 กลุ่มลูกค้าหลักของตู้สติกเกอร์หรือ "พุริคุระ" คือ นักเรียนหญิง วัยมัธยมไปจนถึงนักศึกษามหาวิทยาลัย พวกเธอมาเพื่อใช้เวลากับเพื่อน, สร้างความทรงจำ, และสนุกสนานในพื้นที่ของตัวเอง แต่เมื่อมีคนที่ไม่ใช่กลุ่มลูกค้า เช่น ผู้ชายที่มาคนเดียว หรือที่ดูไม่น่าไว้วางใจ เข้ามาปะปนในพื้นที่ มันไม่ใช่แค่ "ลูกค้าคนใหม่" แต่มันคือ "ความเสี่ยง" ที่เพิ่มขึ้นมาทันที เพราะเคสปัญหาที่เคยเกิดขึ้น ทั้งการแอบถ่าย, การลวนลาม, หรือแค่การยืนจ้องมองจนทำให้เด็กรู้สึกอึดอัด หรือที่ร้ายแรงกว่านั้น

 

อย่างที่สอง: ที่นี่ไม่ใช่แค่ตู้ถ่ายรูป แต่คือ "ห้องนั่งเล่น" ของสาวๆ

ต้องเข้าใจก่อนว่า "พุริคุระ" ไม่ใช่แค่ตู้สี่เหลี่ยมสำหรับถ่ายรูปติดบัตร แต่มันคือ พื้นที่กึ่งส่วนตัว ที่สาวๆ จะมาปลดปล่อยความเป็นตัวเอง ทั้งแต่งหน้าเติมแป้ง, จัดผม, ลองชุดคอสเพลย์ที่ร้านมีให้เช่า, หรือซ้อมโพสท่าตลกๆ แบบไม่ต้องอายใคร บรรยากาศมันเต็มไปด้วยความสนุกสนานและเป็นกันเอง

ลองจินตนาการว่าถ้ามีผู้ชายแปลกหน้าคนหนึ่ง เดินเข้ามาใน "ห้องนั่งเล่น" นี้แล้วยืนอยู่เงียบๆ บรรยากาศจะเปลี่ยนไปทันที ความสบายใจหายวับไป กลายเป็นความหวาดระแวง ต่อให้เขาไม่ได้ทำอะไรเลยก็ตาม มันก็ทำลาย "พื้นที่ปลอดภัย" (Safe Space) ของลูกค้าไปแล้ว มันต่างอะไรกับการที่มีผู้ชายแปลกหน้าไปนั่งอยู่ในห้องแต่งตัวผู้หญิงล่ะครับ? ต่อให้เขาอ้างว่ามาใช้สิทธิ์เฉยๆ มันก็ไม่ใช่เรื่องอยู่ดี


อย่างที่สาม: "การป้องกัน" ดีกว่า "การไล่จับ"

บางคนอาจจะบอกว่า "ก็ถ้าใครทำผิดก็จับคนนั้นสิ จะไปห้ามผู้ชายดีๆ คนอื่นทำไม?" ฟังดูดีในเชิงหลักการ แต่ในโลกธุรกิจและความเป็นจริงมันใช้ไม่ได้ครับ การรอให้เกิดเหตุการณ์ขึ้นก่อนแล้วค่อยจัดการ มันหมายถึง:

  1. มีเหยื่อเกิดขึ้นแล้ว: มีเด็กผู้หญิงถูกคุกคามและได้รับประสบการณ์แย่ๆ ไปแล้ว

  2. ร้านเสียชื่อเสียง: เกิดเรื่องราวใหญ่โต ลูกค้าคนอื่นก็เสียบรรยากาศ ร้านกลายเป็นข่าวด้านลบ

  3. จัดการยาก: การจะไปไล่จับหรือแจ้งความมันวุ่นวายและไม่ทันท่วงที

ดังนั้น การ "ป้องกันไว้ก่อน" ด้วยการติดป้ายให้ชัดเจนเพื่อตัดความเสี่ยงออกไปตั้งแต่แรก จึงเป็นทางออกที่ง่ายและมีประสิทธิภาพที่สุดสำหรับผู้ประกอบการ มันคือการปกป้องลูกค้าส่วนใหญ่และปกป้องธุรกิจของตัวเองไปพร้อมกัน

ส่วนฝ่ายโลกตะวันตก นี้คือ *ตัวอย่าง ทีสรุป มา 10 ข้อ

  1. เป็นการเลือกปฏิบัติทางเพศอย่างชัดเจน (Blatant Sexism):

    นี่คือข้อหาที่รุนแรงและพบบ่อยที่สุด พวกเขามองว่าการห้ามคนเข้าร้านโดยอิงจากเพศสภาพ คือการเลือกปฏิบัติที่ไม่ต่างอะไรจากการเหยียดเชื้อชาติหรือสีผิว และ "การเหยียดเพศชาย (Reverse Sexism)" ก็ยังคงเป็นการเหยียดเพศอยู่ดี

  2. คือการเหมารวมว่าผู้ชายทุกคนคืออาชญากร (Stereotyping All Men as Criminals):

    กฎนี้ตั้งอยู่บนสมมติฐานว่าผู้ชายที่มาคนเดียวคือภัยคุกคาม ซึ่งเป็นการเหมารวมที่ดูถูกและไม่ยุติธรรมต่อผู้ชายส่วนใหญ่ที่เป็นคนดีและไม่ได้มีเจตนาร้าย

  3. มาตรฐานสองมาตรฐาน (Double Standard):

    พวกเขามักจะตั้งคำถามว่า "แล้วถ้ากลับกันล่ะ?" (What if the roles were reversed?) หากมีร้านไหนติดป้ายว่า "ห้ามผู้หญิงเข้าใช้บริการคนเดียว" จะต้องกลายเป็นข่าวใหญ่ระดับโลกและถูกประณามอย่างหนักทันที นี่จึงเป็นมาตรฐานสองมาตรฐานที่ยอมรับไม่ได้

  4. ควรแก้ปัญหาที่คน ไม่ใช่ที่เพศ (Punish the Action, Not the Gender):

    แนวคิดแบบตะวันตกคือ ถ้ามีคนทำผิด ก็ควรลงโทษผู้กระทำผิดเป็นรายบุคคล ไม่ใช่การออกกฎเพื่อจำกัดสิทธิของคนทั้งกลุ่ม ควรใช้วิธีอื่นแก้ปัญหา เช่น เพิ่มระบบรักษาความปลอดภัย, ติดกล้องวงจรปิด หรือมีบทลงโทษที่รุนแรง

  5. ละเมิดสิทธิของผู้บริโภคและนักท่องเที่ยว (Violates Consumer/Tourist Rights):

    ในฐานะนักท่องเที่ยวหรือผู้บริโภคที่พร้อมจ่ายเงิน พวกเขาควรมีสิทธิ์ที่จะได้ลองประสบการณ์ทางวัฒนธรรมนั้นๆ การถูกปฏิเสธเพียงเพราะเพศสภาพ ทำให้พวกเขารู้สึกเหมือนเป็นพลเมืองชั้นสอง

  6. ไม่สมเหตุสมผลและมีช่องโหว่ (It's Illogical and Has Loopholes):

    ผู้ประสงค์ร้ายจริงๆ ก็สามารถหาเพื่อนผู้หญิงมาด้วยเพื่อใช้เป็น "บัตรผ่าน" เข้าไปได้อยู่ดี หรือพวกเขาก็สามารถไปก่อกวนที่อื่นนอกตู้ถ่ายรูปได้ กฎนี้จึงไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาที่ต้นตอจริงๆ

  7. สร้างความรู้สึกอับอายและไม่ต้อนรับ (It's Humiliating and Unwelcoming):

    มีเรื่องเล่ามากมายจากนักท่องเที่ยวชายที่เดินทางคนเดียวในญี่ปุ่น แล้วอยากลองถ่ายพุริคุระดูบ้าง แต่กลับถูกพนักงานปฏิเสธ ซึ่งสร้างความรู้สึกอับอายและรู้สึกว่าตนเองไม่เป็นที่ต้อนรับ

  8. เป็นแนวคิดที่ล้าหลังและตอกย้ำภาพจำ (It's Regressive and Reinforces Stereotypes):

    นักวิจารณ์บางกลุ่มมองว่ากฎนี้ตอกย้ำภาพจำที่ว่า "ผู้หญิงอ่อนแอและต้องการการปกป้องเสมอ" ในขณะเดียวกันก็สร้างภาพว่า "ผู้ชายคือผู้ล่าโดยธรรมชาติ" ซึ่งเป็นแนวคิดที่ไม่ส่งเสริมความเท่าเทียมในระยะยาว

  9. มันก็แค่ตู้ถ่ายรูป ทำไมต้องจริงจังขนาดนั้น? (It's Just a Photo Booth, Why So Serious?):

    บางคนมองว่านี่เป็นการตอบสนองที่เกินกว่าเหตุ (Overreaction) ต่อปัญหาที่อาจไม่ได้ร้ายแรงขนาดนั้น และทำให้บรรยากาศของความสนุกสนานกลายเป็นความหวาดระแวงไป

  10. แล้วคู่รักเพศเดียวกันล่ะ? (What About Same-Sex Couples?):

    กฎนี้สร้างความสับสนและอาจเป็นการเลือกปฏิบัติต่อคู่รักชาย-ชาย ที่แค่อยากจะมาถ่ายรูปคู่กันเหมือนคู่รักอื่นๆ แต่กลับถูกห้ามเพราะกฎที่ไม่ได้ไตร่ตรองถึงความหลากหลายทางเพศ

จะเห็นได้ว่าข้อโต้แย้งส่วนใหญ่มาจากรากฐานความคิดที่ให้ความสำคัญกับ "สิทธิส่วนบุคคล"  หรือ "เสรีภาพส่วนบุคคล" แล้วที่ผม(poipoi) รวมรวมมา จะมีแต่ฝ่ายตะวันตกเป็นส่วนใหญ่ เพราะ ผมอ่านภาษาญี่ปุ่นไม่ออก และเวลาค้น ไม่ได้ใช้ภาษาญี่ปุ่น ก็เลยเจอ แต่เม้นฝรั่ง

ซึ่งเคสแบบนี้ ผมก็นึกถึง ข้อเรียกร้อง ที่จะให้ ผู้ชาย หรือ ทรานส์เจนเดอร์ ที่ยังไม่แปลงเพศ เข้าห้องน้ำหญิงได้เลย เหมือนจะเป็น "สิทธิในการเข้าถึงพื้นที่"   "ความเท่าเทียม" และ "การไม่เลือกปฏิบัติ" 
ซึ่งผมเคยกล่าวไว้แล้วในโพส
https://poipoi-test.blogspot.com/2025/07/jk-rowling.html

J.K. Rowling ฟาด! คนที่เรียกร้องสิทธิให้เพศชายทางชีววิทยา เข้าห้องน้ำหญิง แรง!

 


 แล้วเราจะเห็นได้ว่า ความเสียหาย ดันเกิดขึ้นจากคนดีย์ ที่เรียกร้องสิทธิ นั้น จน JK เอามาฟาด กลับจุกๆ ผมเอามาให้ดูเพราะรู้สึกว่าคล้ายๆกัน
เอาละกลับเข้าเรื่อง

 

นี้คือตารางเปรียบเทียบ ถึงจะไม่ครบถ้วน แต่น่าจะทำให้เห็นภาพได้ง่ายขึ้นครับโดย

ประเด็น (Issue)มุมมองตะวันตก (Western Perspective)
หลักการพื้นฐานสิทธิส่วนบุคคลสากล (Universal Rights)
ทุกคนควรมีสิทธิเท่าเทียมกันในการเข้าถึงบริการสาธารณะ โดยไม่ถูกจำกัดด้วยเพศ
แนวทางการแก้ปัญหาจัดการเมื่อเกิดเหตุ (Reactive)
ถ้ามีคนทำผิด ก็ลงโทษคนนั้นเป็นรายบุคคลไป ไม่ควรเหมารวมคนทั้งกลุ่ม
จุดโฟกัสตัวบุคคล (Individual)
โฟกัสที่สิทธิของ "ปัจเจกบุคคล" ว่าถูกละเมิดหรือไม่ ผู้ชายดีๆ ก็ควรมีสิทธิ์เข้าไปถ่ายรูปได้
มุมมองต่อตัวกฎการเลือกปฏิบัติ (Discrimination)
มองว่ากฎนี้คือการ "เหมารวม" และ "เลือกปฏิบัติทางเพศ" ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องตามหลักสิทธิมนุษยชน
พื้นฐานของความคิดอิงตามอุดมการณ์ (Ideology-Based)
ยึดมั่นในหลักการความเท่าเทียมเชิงอุดมคติ ที่ทุกคนต้องเท่ากันในทุกสถานการณ์


ประเด็น (Issue)มุมมองญี่ปุ่น (Japanese Perspective)
หลักการพื้นฐานความปลอดภัยของกลุ่ม (Group Safety)
ความสงบสุขและความปลอดภัยของลูกค้าส่วนใหญ่สำคัญกว่าสิทธิของคนส่วนน้อยที่อาจสร้างปัญหา
แนวทางการแก้ปัญหาป้องกันล่วงหน้า (Proactive)
สร้างกฎเพื่อป้องกันไม่ให้ปัญหาเกิดขึ้นเลย ดีกว่ารอให้เกิดเรื่องแล้วค่อยตามแก้
จุดโฟกัสบรรยากาศ (Atmosphere)
โฟกัสที่ "บรรยากาศโดยรวม" และความรู้สึกสบายใจของลูกค้ากลุ่มหลัก ซึ่งคือผู้หญิง
มุมมองต่อตัวกฎการจัดการความเสี่ยง (Risk Management)
มองว่ากฎนี้เป็น "มาตรการบริหารความเสี่ยง" ทางธุรกิจ เพื่อรักษาฐานลูกค้าและชื่อเสียงของร้าน
พื้นฐานของความคิดอิงตามประสบการณ์ (Experience-Based)
ยึดตามข้อมูลและประสบการณ์จริงที่เคยเกิดขึ้น ว่าปัญหามาจากคนกลุ่มไหนและพฤติกรรมใด

แล้วที่ผมหนักใจแทน คือ นักท่องเที่ยวตะวันตก พยายามกดดัน ให้ญี่ปุ่นเปลี่ยน ไม่ใช่แค่เรื่องนี้ ยังมีอีกหลายเรื่อง เช่น อนิเมะญี่ปุ่น หรือ เรื่องเกอิชา  บางคนก็บอกว่าทำไม่ฉันจะถ่ายรูปไม่ได้ละ สุดท้าย ญี่ปุ่นเลยต้องออกกฎ เพื่อช่วยเหลือเกอิชา แล้ว ก็มีคนดิ้น 
นี้ตัวอย่าง




เรื่องนี้เกิดขึ้นนานแล้ว ก่อน “เกียวโต” ห้าม! นักท่องเที่ยว เข้าตรอกส่วนตัวในเขตเกอิชา แต่นี้เป็นคลิปใหม่ เพิ่งโพส 

แล้วเรื่องนี้ ก็ทำให้ผมนึกถึงเรื่อง นั่งท่องเทียวเต้นบนรถไฟในญีปุ่น แล้วที่ท่าทีคุกคามเด็กนักเรียนหญิง

จน มีเสียงด่า จากคนในชาติ และ ทำให้ต้องถอยป้ายนี้ออกมาติด


 แล้วแน่นอน โดนกลุ่ม Woke ด่า ประนาณ เช่น มันไม่ถูก มันน่าจะได้ หรือเป็นเสรีภาพ หรือนี้มันเหยียดสีผิว ทำไมต้องเป็นคนดำ 
คือ ไอ้ที่ก่อเรื่อง มันไม่ได้ผิดขาวอะสิ  ถ้าเปลี่ยน  จะกลายเป็นโกหกหรือใส่ความคนขาวไหม?

ในป้าย ผมหยิกผิวดำเสื้อเขียว นี้มัน ใช่เลย ชัดเลย ดูคลิป    นี้เมิงเลย ทำคนดำอับอาย

แล้วแปลกมาก คลิป ก่อนหน้า เหมือนคลิป นักท่องเทียว แย่ๆ คุกคาม เกอิชาหลายคลิป หายไปจากยูทูป หายไปจริงๆ  หรือ แค่ผมหาไม่เจอ  
แต่ผมลงคลิปนี้ ก็ไม่น่าจะหาย (แต่ถ้าหายละ? เดียวผมลงภาพ ไว้ด้านล่าง ด้วยแล้วกันครับ) เคสนี้ คนส่วนใหญ่บนโลก (ที่ผมเห็นนะ) เห็นด้วยกับญี่ปุ่นนะครับ  ซึ่ง มากกว่าเคสเกอิชา ที่เคสนั้นส่วนใหญ่จะเป็นเคส ฝ่ายซ้าย ที่ออกมา เข้าข้าง สิทธิ์ ในการถ่ายรูปเกอิชา  ( ที่ผมเห็นนะ อาจจะไม่ใช้ความจริงสัมบูรณ์ )
แล้วยังมีอีกหลายคนนะ แล้วภาพี่ผมเห็น ก็เป็นดำ 
แล้วไอ้ป้ายห้ามข้างบน ที่โดนหาว่า เหยียดคนดำ ยังมีอีกหลายป้ายเช่น
 

ทีบอกว่าญีปุ่น เหยียดคนดำ เป็น พวกเหยียดเชื้อชาติ  สาเหตุจาก x เม้นนี้ที่เอามาเปรียบเทียบ  กับภาพ คนดำสามคนเต้นบนรถไฟญี่ปุ่น 


จากบทความนี้ เราจะเห็นว่า ฝ่ายซ้ายตะวันตก หรือ WOKE เดือดดาล กับที่ ญี่ปุ่น ทำเรื่องเหล่านี้ 
ห้ามผู้ชายเข้าตู้สติกเกอร์
ห้ามถ่ายรูปเกอิชาในพื้นที่ส่วนตัว
ป้ายเตือนพฤติกรรมบนรถไฟ

ต้องบอกว่าไม่มีใครผิดที่คิดต่าง หรือไม่ชอบ แต่การยัดเยียด ให้คนอื่นต้องทำตามในสิ่งที่ตนต้องการนี้ มันใช่หรือ?

จริงๆทั้งสองฝ่าย ถือว่าไม่มีใครผิดต่างคนต่างถูก แต่คุณ อยากอยู่ในสังคมแบบไหน แน่นนอน มันอยู่ที่ตัวคุณ คุณอาจจะ เป็นชายวัยกลางคน ที่หน้าตาเหมือนหลุดออกมาจากโดจิน ที่มีจิตใจขาวสะอาด อยากแค่ 
เข้าตู้สติกเกอร์ ไปถ่ายสติกเกอร์ คุณ มีความสุข แต่ เด็กนักเรียนหญิงละ เขาสุข ไหม? ลองถามใจตัวเองดู  จะเลือก สังคมแบบไหน? 


เอาละ ผมมาสรุป สั้นๆ ว่า มันเป็นเรื่องของสังคมญีปุ่น ในประเทศญี่ปุ่น เพื่อปกป้องคนของเขาเอง 
คนต่างชาติ ควรไปกดดันให้เข้าเป็นเปลี่ยนกฎไหม? ถึงจะอ้าง  เสรีภาพ สิทธิส่วนบุคคล ฯลฯ ก็ทำให้ผมนึกถึงเคส ให้เพศชาย ทางกายภาพ เข้าห้องน้ำหญิงนั่นละ ฝ่ายที่เรียกตัวเอง ผู้ตื่นรู้ ผู้ตาสว่าง หรือ สั้นๆว่า WOKE  ก็มาเรียกร้อง กับเคสนี้ เหมือนกัน 
ปัญหาของเรื่องนี้ คือ เขาคิดว่าความคิดตนคือ ความถูกต้องสัมบูรณ์  ทั้งที่ มันเคยเกิดเคสแย่ๆ จากแนวคิดนี้มาแล้ว  เพราะ ใครๆก็เป็นผู้หญิงได้ แค่บอกดังว่าตนคือผู้หญิง ไม่จำเป็นต้องแปลงเพศ หรือ แต่งหญิงด้วยซ้ำ เลยมีเคส นักโทษ ชาย ที่บอกว่า ตัวเอง ใจเป็นหญิงแต่ชอบผู้หญิง ขอไปอยู่คุกหญิง แล้วไปข่มขืนนักโทษสาวจนท้อง
แล้วระบบยุติธรรม เชื่อจริงจังว่าเป็นผู้หญิง จน ศาลสั่งให้ อัยการใช้สรรพนาม she/her

https://abc7chicago.com/post/pronoun-use-center-rape-case-involving-former-chowchilla-central-california-womens-facility-prisoner-tremaine-carroll/15696730/

 แล้ว ถ้ามีเป็นแค่เคสเดียว จะดีมาก แต่คิดว่าใช่ไหม? มีเคสเดียว? อย่างโพส JK ที่มีหน้าผู้ต้องหาหลายคนนะ ครับ และคนหนึ่ง แค่ก่อคดีเดียวครั้งเดียวจากช่องโหว่ ก็ยังดี แต่มันใช่หรือครับ? คุณอยากเปิด ให้มีช่องโหว่ เพื่อความสบายใจ และความสุข ความถูกต้องในมุมของคุณ คุณก็ว่าคุณถูก ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรแบบ ที่พวกคุณว่าประเทศญี่ปุ่นนะครับ  แต่ อยากให้มองว่าถ้าช่องโหว่ที่คุณคิดว่าดี ไปทำร้ายเด็กละ? ผมก็รู้ว่าที่ผ่านๆมา คุณบอก ว่า มันเป็นที่ตัวบุคคล อย่าเหมารวม แล้ว ลดการป้องกันภัยลง นั่นคือสังคมที่คุณเลือก แต่ประเทศญี่ปุ่นไม่เลือก ทำไม ไม่เคารพ ญี่ปุ่นหรือคนที่เห็นต่างบ้าง? ทำไมตะวันตก ต้องมายัดเยียด และอยากจะแก้กฎหมายญีปุ่น มันเพิ่มควมมสุขให้ใคร? ให้คนญี่ปุ่น ให้เด็กนักเรียน ให้เกอิชา ให้คนนั่งรถไฟ ให้นักท่องเทียว หรือเพื่อ อีโก้ ฝ่าย WOKE กันแน่ครับ? ที่ผมถามแค่นี้ ควรจะรับได้ หรือยอมรับคำถามได้นะครับ

แล้วแน่นอน ถ้าคุณกล่าวหา/โจมตี/เหมารวม ญี่ปุ่นได้ คนอื่นก็กล่าวหาคุณกลับได้เช่นกัน ถูกต้องไหมครับ? ลองคิดถึงความร้ายแรงของบทความนี้ต่อ woke กับ ความร้ายแรงของ Woke กับประเทศญี่ปุ่นประเด็นนี้ดูสิครับ ว่า อันไหนเบา อันไหนหนัก อันไหนหยาบคาย  แล้วคุณ เป็นคนแบบไหนครับ ? ผมแค่ถามฝ่ายซ้ายตะวันตก ที่พยายามยัดความถูกต้องของตัวเองให้ญี่ปุ่นเฉยๆ

คุณเลือกได้อยากให้ใครมีความสุขหรือเสียงภัย แต่ไม่มีทางที่จะทำให้ทุกคนมีความสุขได้ 

************************คลิกเพื่อดูภาพใหญ่ 

ตัวอย่าง คอมเม้นเกี่ยวกับป้ายห้าม เต้นบนรรถไฟ 

 น่าสนใจ






 

ลิงค์บทความนี้
*****
https://poipoi-test.blogspot.com/2025/09/blog-post_29.html
*****



วันอาทิตย์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2568

บางที ผมก็ตั้งคำถามกับสื่อบ้าง เช่น บทความ "ทำไมนักปรัชญาเชื่อว่า เรื่องเงินซื้อความสุขไม่ได้"

 บางที ผมก็ตั้งคำถามกับสื่อบ้าง เช่น บทความ "ทำไมนักปรัชญาเชื่อว่า เรื่องเงินซื้อความสุขไม่ได้"
ถ้าในมิติแรก คนที่คิดว่าใช่หรือไม่ใช่ ถูกไม่ถูก แล้วคลิก+เม้น นี้น่าจะเป็นคนที่ติดอยู่ในกรอบ ของบทความข่าวที่เขียนไว้ ใช่หรือไม่ ลองคิดดูสิ?

สำหรับผม นะเงินซื้อความสุขได้ อย่างน้อยก็ชั่วคราว และผมก็ไม่ได้ไปด่า ไอน์สไตน์ ว่าผิดด้วย ไม่ว่าจะคิดยังไง ก็ไม่ผิด
แต่ผม แค่สงสัยสื่อ เลยมาแชร์โพส เม้น

นี้คือความคิดเห็นผมต่อบทความ 

-----------
**spring news** ใจถึงๆหน่อยดิ น่าจะยกพระพุทธเจ้า + พระเยซู มาด้วยนะ ไหนๆ ก็จัดมาแล้ว
อีกอย่างไม่ว่ายุคไหน ธรรมชาติของมนุษย์ ก็เหมือนเดิม อีกสามร้อยปีต่อไปก็เหมือนเดิม
ใครจะเชื่อ spring news หรือเชื่อ ไอน์สไตน์ ก็ไม่มีใครว่าอะไร ทุกคนย่อมคิดว่าตนถูก แม้ ว่าspring news จะไม่เอียงหรือเอียงไปทางไหน ก็ตาม
และ ไอน์สไตน์ คนฉลาด ก็ไม่ได้แคร์คุณ เพราะ ไอน์สไตน์ ตายไปแล้ว ถึงต่อให้ยังอยู่ แล้วทำไมต้องแคร์คุณ?
ทำไมไม่คิดอีกมุม แล้วถ้าเกิดผมมีความคิดว่า ว่าสำนักข่าวเขียนบทความ ต้องการ ความชื่นชอบ จากชาววัตุนิยม?? หรือต้องการ Engagement จากทั้งฝ่ายที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย (Engagement Bait? or engagement-drive? ,Controversial?) ก็ได้? ผมคิดไปทางนั้นได้ไหม?
แล้วคอมเม้นผม ไม่ได้สนใจหรือแคร์ เรื่องความสุขนั้น แต่ที่ผมพูดคือ การวิพากษ์สื่อ ใหญ่ในสังคมไทย ว่าจุดประสงค์ คือสร้างสังคมดีๆโดยไม่แคร์เงิน หรือสนใจผลกำไรด้วย ใช่ไหม? ได้ไหม?


และนี้คือบทความ https://www.facebook.com/share/p/16cxyqq2eL/
แคปมาบางส่วน

 
แคปคอมเม้นมาด้วย

----------
แล้วนี้ก็เม้นผมอีกอัน ที่ ก็สงสัยว่าสื่อพยายามขายดราม่าหรือไม่ อันนี้ก็โยนให้ gemini pro ที่เป็นกลางเช็ค

นี้เม้นผมก่อนเช็ค

*** คอมเม้น คือเม้นสวนกระแสน นี้ถูกหรือผิด? แต่ขัดใจคนแน่ๆ **
ผมเชื่อว่าครูไม่ได้โกง แต่ ครูเป็นอาชีพ ที่มีความรู้ เหนือคนปกติ เซ็นไป ก็คิดว่าน่าจะรู้ความเสี่ยง แล้วคนที่มีลายเซ็น เขาจะไม่สอบสวน ไม่อะไรเลย ปล่อยเบลอไป จะดีหรือครับ?? ถ้าเป็นเกมเมอร์กากๆแบบผมไปเซ็นมั่วๆ แบบไม่รู้เรื่อง ก็ว่าไปอย่าง
และ ถูกผิดศาลก็ตัดสินเป็นคุณ ก็ตัดสินไปตามพยานหลักฐาน คุณครูไม่ผิดศาลก็บอกว่าไม่ผิด ส่วน จำเลยที่1,2 ผอ. กับ เจ้าหน้าที่จัดซื้ออาหาร นี้ ผิดใช่ไหมโกงจริงไหม ศาลตัดสิน ถูกไหม?* ถ้าถูก ผมก็ต้องขอบคุณผู้เกี่ยวข้อง ที่ทำตามกฎหมาย เพื่อให้เด็กๆได้รับอาหารเต็มที่และถูกต้อง
แล้วผมว่าคุณครู ควรได้กลับเข้าทำงานและรับบำนาญตามเดิม แต่ เงินเดือนช่วงที่ครูไม่ได้สอนนั้น แล้วแต่มุมมอง ถ้ารัฐจ่ายภาษีให้แก่คนที่ไม่ได้ทำงาน (แน่นอนไม่ใช่แค่เคสนี้แต่ทุกเคส ต้องใช้ตรรกะเดียวกัน ) จะได้หรือไม่

แล้ว กรรมการตรวจรับ อาหารกลางวัน นี้ ถ้าเป็นแบบนี้กันหมด ทุกโรงเรียน จะดีไหม?

*อันนี้ข่าวก็ไม่ได้บอก ว่า ผอ.หรือจำเลย ที่ 1-2 เป็นไงบ้าง

เห็นด้วยครับ การวิเคราะห์ของคุณเฉียบคมและชี้ให้เห็นถึงธรรมชาติของสื่อในยุคปัจจุบันได้เป็นอย่างดี การนำเสนอข่าว "ครูชัยยศ" มีลักษณะหลายอย่างที่เข้าข่ายการ "จัดกรอบข่าว" (Framing) เพื่อเน้นดราม่าและเรียกความสนใจจากสังคม


ทำไมการวิเคราะห์ของคุณถึงสมเหตุสมผล?

1. การสร้างเรื่องราวแบบ "ตัวเอกผู้ถูกกระทำ" (Victim Narrative)

สื่อหลายสำนักเลือกที่จะเล่าเรื่องผ่านมุมของครูชัยยศเป็นหลัก โดยเน้นย้ำภาพลักษณ์ของ "ครูดีที่เสียสละ" ซึ่งเป็นภาพที่สังคมไทยให้คุณค่าสูง เรื่องราวเต็มไปด้วยองค์ประกอบที่เรียกความสงสารได้ง่าย:

  • ครูบนดอย: สัญลักษณ์ของความยากลำบากและการอุทิศตน

  • รางวัลการันตี: ตอกย้ำความเป็น "คนดี" ที่จับต้องได้

  • ถูกปลดใกล้เกษียณ: สร้างความรู้สึกน่าเสียดายและไม่เป็นธรรมอย่างรุนแรง

  • ต้องมาขายโรตี: ภาพตัดที่ชัดเจนระหว่างอาชีพที่มีเกียรติกับความลำบากหลังถูกปลด

การเล่าเรื่องแบบนี้ทำให้คนส่วนใหญ่รู้สึกผูกพันทางอารมณ์กับครูชัยยศ และมองว่าท่านคือ "แพะรับบาป" ของระบบที่ไร้หัวใจ


2. การลดทอนความซับซ้อนของปัญหา

ประเด็นหลักที่แท้จริงคือ "การลงนามในเอกสารเท็จอันเป็นเหตุให้เกิดการทุจริต" ซึ่งเป็นเรื่องทางเทคนิคกฎหมายและระเบียบราชการที่ค่อนข้างน่าเบื่อและเข้าใจยาก สื่อจึงมักจะลดทอนประเด็นนี้ลง แล้วไปขยายเรื่องที่เข้าใจง่ายกว่า เช่น:

  • "เซ็นเพราะเชื่อใจ"

  • "ไม่รู้เรื่องเอกสารการเงิน"

  • "ทำตามคำสั่งผู้บังคับบัญชา"

การนำเสนอเช่นนี้ทำให้การกระทำของครูดูเป็นเพียง "ความผิดพลาด" เล็กน้อยที่เกิดจากความซื่อ ไม่ใช่การกระทำที่ส่งผลกระทบต่อ ความสมบูรณ์ของระบบการตรวจสอบงบประมาณแผ่นดิน ซึ่งเป็นประเด็นที่ใหญ่และสำคัญกว่ามาก


3. ผลประโยชน์ทางธุรกิจของสื่อ (ยอดวิว)

ปฏิเสธไม่ได้ว่าข่าวที่มีองค์ประกอบของดราม่าและความขัดแย้งมักจะได้รับความสนใจมากกว่าข่าวที่นำเสนอข้อเท็จจริงอย่างตรงไปตรงมาเสมอ

  • พาดหัวข่าว: พาดหัวที่เร้าอารมณ์ เช่น "ชีวิตพังทลาย! ครูดีถูกปลด ต้องขายโรตีเลี้ยงชีพ" ย่อมดึงดูดให้คนคลิกอ่านมากกว่า "ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดครู ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่"

  • อัลกอริทึมโซเชียลมีเดีย: เนื้อหาที่กระตุ้นอารมณ์ (โดยเฉพาะความโกรธและความสงสาร) จะถูกแชร์และแสดงความคิดเห็นมากกว่า ทำให้ข่าวกระจายไปในวงกว้างอย่างรวดเร็ว (Viral) ซึ่งหมายถึงรายได้จากโฆษณาที่เพิ่มขึ้นสำหรับสำนักข่าว



 


วันพุธที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2568

รีวิว การซื้อสินค้า ของเล่น จาก ไทย และจากญี่ป่่น

 รีวิว การซื้อสินค้า ของเล่น จาก ไทย และจากญี่ปุ่น

ที่ไทยสรุป  ตัวแรก สั่ง ตุลาคม 2023 ราคา หน้าร้าน 2300+ โอนเพิ่ม400  ได้รับ ประมาณ ส.ค. 2024
ตัวสอง สั่ง 15 ก.ค. 2024    ราคาหน้าร้าน 2700+ โอนเพิ่ม 450 และค่าส่งอีก 80  ส่ง 30 ม.ค. 2025

ดูที่ญี่ปุ่น ตัวแรก อันนี้เป็นตัวเดียวกันกับสั่งที่ไทย  7,982 jpy ประมาณ 2,000 บาท โดยประมาณ 

รายละเอียด

เริ่มต้น สอบถาม ถามเสร็จ ร้านอัพราคา 

 

 5 ต.ค. 2023

สอบถามครับ ได้ 01-2567 นี้ ของจะได้ประมาณวันไหน แล้วพรีวันสุดท้ายวันไหนครับ 

 

แจ้งอัพเดทครับ รายการนี้ราคาปัจจุบันมีการปรับเป็นประมาณ 2300 ครับ ทางร้านอัพเดทให้แล้วครับ

อ่ะ ถามแล้ว ขึ้นราคา

17:30

 

  


สรุปกดซื้อในราคาใหม่  2300 บาท

ซื้อเสร็จ 
10 ต.ค. 2023 



 


 ระหว่างรอเหมือนจะพรี เพิ่มอักตัวหรือไงนี้ จำไม่ได้


 

แล้วก็ รอ 
   5 ต.ค. 2023  - 10 ก.ค. 2024


 


ระหว่างนั้น พรีออเดอร์ตัวใหม่ โดนอัพราคาโอนเงินเพิ่มเช่นเคย


 

ถามตัวเก่าที่พรีไป แล้วก็ ชำระเงินเพิ่ม ในตัวที่สอง 


 




จบส่งแล้ว ได้รับในเดือนถัดมา

 ส่วนตัวที่สอง ตามมาติดๆ


 แต่มี มีค่าจัดส่ง 80 บาท 
สรุปเป็นราคาหน้าร้าน 2700+ โอนเพิ่ม 450 และค่าส่งอีก 80 
สั่ง
15 ก.ค. 2024 
ส่ง 30 ม.ค. 2025

เซ็นเซอร์เพื่อไม่ให้กระทบร้านค้า  

 





--------------------จากญีปุ่น ตัวแรก

  • Item(s) Subtotal:
    ¥6,182
  • Shipping & Handling:
    ¥1,800 
     
    แล้วจะมีค่าฝากเรื่องภาษี อีก ประมาณ ¥2,000 
  • ถ้าไม่โดนเก็บจะโอนคืน แต่ไม่เห็นโอนคืนคือเก็บ ตรงนี้ไม่แน่ใจ เท่าไหร่ แต่จ่าย จบ แล้วไปนอนรอ ง่ายกว่าเยอะ 

    สรุปราคาใกล้เคียงกันเมื่อรวมภาษีแล้ว แต่จากญี่ปุ่น ตัวสินค้าจะถูกกว่า แต่จะไปแพงค่าส่ง+ภาษี ส่วนสั่งจากร้านไทย ก็ตามนั้นละ



    วันจันทร์ที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2568

    เช็กลิสต์ทดสอบจอ ที่ซื้อจากร้านค้าออนไลน์

     


    ✅ เช็กลิสต์ทดสอบจอ (Step by Step)

    1. ตรวจสภาพภายนอก

    • กล่องไม่มีบุบหนัก / น้ำ / รอยเปิดซีล

    • สาย HDMI / DP / Adapter / คู่มือ ครบตามที่แจ้ง

    • ตัวจอไม่มีรอยแตก / รอยขีดลึก / ขอบไม่โก่ง

    2. เปิดเครื่องครั้งแรก

    • เปิดติดปกติ ไม่มีเสียงแปลก ๆ

    • ไม่มีจอ "เหลือง/อมเขียว" จนผิดปกติ

    3. เช็ก Dead Pixel / Stuck Pixel

    • เปิดพื้นหลังสี ขาว → ดำ → แดง → เขียว → น้ำเงิน
      👉 ใช้เว็บ https://lcdtech.info/en/tests/dead.pixel.htm  (ไม่ต้องโหลด, แค่เปิดเบราว์เซอร์)

    • ดูว่ามีจุดเล็ก ๆ ที่ “ไม่เปลี่ยนสี” หรือ “ดับ” หรือไม่

    4. เช็ก Backlight Bleed / ความสม่ำเสมอของแสง

    • ปิดไฟในห้อง → เปิดพื้นหลัง สีดำล้วน

    • มองที่มุม/ขอบจอ → อาจเห็นแสงรั่วนิดหน่อย (เป็นเรื่องปกติของ IPS)

    • ถ้าเห็นเป็น “ก้อนแสงขาว” ใหญ่มาก หรือกระจายเยอะจนรบกวนตอนทำงาน → ถือว่าผิดปกติ

    5. เช็กการแสดงผล / Smoothness

    • ต่อผ่าน DisplayPort หรือ HDMI 2.0 → เช็กว่าได้ 4K 60Hz จริง (เข้า Windows → Settings → Display → Advanced Display → Refresh rate)

    • ขยับเมาส์หรือเลื่อนภาพ → การเคลื่อนไหวลื่น ไม่กระตุก

    6. ทดสอบเสียง / พอร์ต

    • เสียบหูฟังที่ช่อง 3.5 มม. → มีเสียงออกปกติ

    • ลองสลับพอร์ต HDMI/DP ทั้งหมด ว่าใช้งานได้


    📌 ถ้าพบปัญหา

    • Dead pixel: บางร้านเคลมได้ทันทีถ้ามีจุดแม้ 1 จุด (ขึ้นกับเงื่อนไขประกัน → ควรถ่ายรูป/วิดีโอไว้เป็นหลักฐาน)

    • Backlight bleed เยอะผิดปกติ: ถ่ายรูปในห้องมืดเก็บไว้ แล้วแจ้งร้าน

    • ถ้าเจอปัญหา ให้รีบติดต่อร้านทันทีในช่วง คืน/เปลี่ยนได้ จะง่ายกว่ารอเคลมยาว

    วันพุธที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2568

    ปัญหา Wacom Intuos Pro M (2025) โดย ปาม ปาล์ม

     ใครมีปัญหาแบบนี้ ลองดูเป็นตัวอย่างครับ ผมก็ใช้รุ่นเดียวกัน รุ่นก่อนหน้าก็เป็นคล้ายๆแบบนี้ ก็เลย ขออนุญาติ นำมาแชร์ครับ 

    ปาม ปาล์ม
    26 สิงหาคม เวลา 17:43 น.·



    รบกวนสอบถามคนที่ใช้ Wacom ค่ะ เราเพิ่งเคยใช้ของแบรนด์นี้ครั้งแรกแต่เจอปัญหานิดหน่อย ของเราซื้อเป็น Wacom Intuos Pro M (2025) มาค่ะ

    1. ในโหมด wired เวลาเรา hover ปากกาแล้วขยับไปมาบน tablet บางทีมันจะวาดเองแล้วเป็นเลอะจุดๆ ทั้งที่ตัวหัวปากกาไม่ได้แตะ tablet เลย

    2. ในโหมด Bluetooth ไม่มีปัญหาแบบข้อ (1) แต่เจอปัญหาเวลา Tilt ปากกามากๆ ปากกาจะหยุดทำงาน ต้องยกขึ้นให้พ้น active area แล้วแตะใหม่ถึงจะทำงานต่อค่ะ

    อยากรู้ว่าแบบนี้เป็นที่ตัวเครื่องหรือสามารถรอ Software / driver update เพื่อแก้ปัญหาได้ไหมคะ หรือควรเคลมสินค้าไปเลย ขอบคุณล่วงหน้าค่า 😭🙏

    ความคิดเห็นทั้งหมด

    Ekasith Adhan วันอังคารที่ 26 สิงหาคม 2025 เวลา 18:25 น.
    เกี่ยวไหมนะครับว่าเปิดทัชอยู่
    |-ปาม ปาล์ม
    | ผู้เขียน
    | Ekasith Adhan โอ้ นี่ซื้อมาไม่รู้เลยค่ะว่าใช้นิ้ว touch ได้ด้วย5555 ถ้างั้นก็น่าจะเป็นไปได้ค่ะ เดี๋ยวลองไป |    แก้ตั้งค่าดู ขอบคุณมากๆ เลยค่า
    |
    |-Poipoi
    |  ปาม ปาล์ม pro ตัวใหม่ ไม่มีทัชนะครับ
    |- ปาม ปาล์ม
        Poipoi อ้ออ ถึงว่าเมื่อกี้เราไปเช็ค setting แล้วหาเมนู touch ไม่เจอค่ะ😂

     

    ผู้มีส่วนร่วมที่ไม่ระบุตัวตน 290 วันอังคารที่ 26 สิงหาคม 2025 เวลา 18:39 น
    ปิดระบบ touch พวกคำสั่งทัชต่างๆออกไป เข้าไปตั้งค่าใน wacom utility ถ้าไม่หายลอง downgrade diver ครับ
    |
    |-    ปาม ปาล์ม
        Anonymous participant 290 เดี๋ยวไปลองปรับดูค่ะ ขอบคุณมากๆ เลยค่า 


     
    Alongkorn Hendaichom วันอังคารที่ 26 สิงหาคม 2025 เวลา 19:12 น.
    เป็นไปได้ว่า มีไดร์เวอร์อื่นเปิดซ้อนอยู่รึเปล่าครับผม
    |
    |-ปาม ปาล์ม
    |Alongkorn Hendaichom เราเคยใช้ XP-Pen มาก่อน driver อาจจะชนกันกับของ Wacom ไหมคะ

    |-Alongkorn Hendaichom
    |ปาม ปาล์ม ใช่ครับผม เป็นไปได้เหมือนกัน แนะนำให้ถอนการติดตั้งไดรเวอร์ xp pen ออกครับๆ
    |
    |-ปาม ปาล์ม
    Alongkorn Hendaichom โอเคได้เลยค่ะ ขอบคุณนะค้า


    Poipoi วันอังคารที่ 26 สิงหาคม 2025 เวลา 22:59 น.
    ตัวเก่าผมก็เป็นคล้ายๆกันครับ ผมนึกว่าพังเลยซื้อใหม่
    ผมขอแนะนำการเช็คนะครับ 1. โทรถาม ศูนย์ถ้าซื้อจากนั่น หรือถามคนขายก่อนเผื่อเขารู้ครับ
    2.ลองเปลี่ยนคอม ดูครับ
    3.ลองเอาปากกา pro 2.0 อันเก่า มาใช้
    แต่ผมคิดว่า เป็นไปตามที่คุณ Alongk บอก เรื่องไดร์เวอร์ซ้อนนะครับ
    ถ้ายังไง แก้ปัญหาได้แล้ว บอกในกลุ่มเอาบุญ ด้วยนะครับ
    |
    |-ปาม ปาล์ม
    |Poipoi เราได้ลองไปอย่างเดียวตอนนี้คือ uninstall driver ของ xp-pen ออกค่ะ แต่ปัญหาก็ยังเป็นอยู่ เดี๋ยวไว้ว่างๆ จะลองวิธีอื่นๆ ที่แนะนำมานะคะ ขอบคุณมากเลยค่า🙏
    |
    |-Poipoi
    ||ปาม ปาล์ม ครับผม ได้ยังไงบอกด้วยนะครับ แล้วก็ windows 11 บัคอย่างเยอะนะครับ ตอนที่ผมเป็น ก็เป็นกับ windows11 ครับ

     

     

    Kireru Hogara วันอังคารที่ 26 สิงหาคม 2025 เวลา 23:03 น.
    ปกติสำหรับเรา เมาส์ของวาค่อมจะไม่ค่อยมีปัญหานะคะ ขนาดนี้ใช่รุ่นถูกกว่าของคุณยังใช้มาจะ 10 ปีแล้วก็ยังดีอยู่มากๆเลยค่ะ 55555555
    แต่ถ้าลองแก้ไขตามที่พวกพี่ๆด้านบนแนะนำแล้วยังไม่หายจริงๆ ลองยกไปหาช่างที่เราไปซื้อมากับศูนย์เลยก็ดีนะคะ พวกพี่ๆเขาจะช่วยแก้ไขปัญหาให้ค่ะ เพราะของยังอยู่ในระยะประกันมช่ไหมคะ แต่ถ้าซื้อทางเน็ตเราก็ไม่รู้เช่นกันค่ะ 55555555
    |
    |-ปาม ปาล์ม
    |Kireru Hogara เราซื้ิอจากช็อป JIB ใน Shopee ค่ะ ถ้าแก้ไม่ได้จริงๆ คงต้องแบกไปเคลมที่หน้าร้านเอา 5555
     

     Poipoi  วันพุธที่ 3 กันยายน 2025 เวลา 17:14 น.
    แก้ได้ยังครับ ถ้ายังแก้ไม่ได้เคลมไปเลยครับ เพราะเป็นไปไม่ได้ที่ล็อตผลิตหมื่นชิ้นจะสมบูรณ์ทั้งหมื่นชิ้นครับ
    |
    |-ปาม ปาล์ม
    Poipoi แก้ยังไม่ได้เลยค่า เดี๋ยวกะว่าจะไปเคลมแล้วค่ะ😢
    |-Poipoi
    |ปาม ปาล์ม เคลมเลยครับ รีบเคลมครับ แล้ว jib ผมเคยเคลมแบบได้เงินแทนของ โดยเอาระยะเวลาประกัน หาร เช่น ถ้าของ1หมื่น ประกัน 1ปี ใช้ 6เดือนเคลม 
    |ถ้าไม่มีของเปลี่ยน เขาโอนเงินให้ผมครึ่งหนึ่ง เป็นต้นครับ
    |
    |-Poipoi
    |ปาม ปาล์ม ผมขออนุญาติ เขาเรื่องปัญหา ที่เจอ ไปเขียนบล็อก ได้ไหมครับ อนาคต ถ้ามีคนเจอปัญหา แบบเดียวกันอีก จะได้มีข้อมูล นะครับ
    |-ปาม ปาล์ม
    |Poipoi ได้เลยค่ะ เดี๋ยวถ้าเคลมได้ของใหม่มาแล้วเราจะลองทดสอบอีกทีจะได้รู้ว่าสรุปเป็นที่ตัวเครื่องหรือเป็นที่ PC เรากันแน่555 ได้ยังไงจะมาอัพเดตนะคะ
    |-Poipoi
    |ปาม ปาล์ม โอ้วครับผม ขอบคุณมากครับ

    *******************

     

     

     


     


     


     


     


     




     

     

     

     

     https://www.facebook.com/share/p/1GChYeyPoW/