บางที ผมก็ตั้งคำถามกับสื่อบ้าง เช่น บทความ "ทำไมนักปรัชญาเชื่อว่า เรื่องเงินซื้อความสุขไม่ได้"
ถ้าในมิติแรก คนที่คิดว่าใช่หรือไม่ใช่ ถูกไม่ถูก แล้วคลิก+เม้น นี้น่าจะเป็นคนที่ติดอยู่ในกรอบ ของบทความข่าวที่เขียนไว้ ใช่หรือไม่ ลองคิดดูสิ?
สำหรับผม นะเงินซื้อความสุขได้ อย่างน้อยก็ชั่วคราว และผมก็ไม่ได้ไปด่า ไอน์สไตน์ ว่าผิดด้วย ไม่ว่าจะคิดยังไง ก็ไม่ผิด
แต่ผม แค่สงสัยสื่อ เลยมาแชร์โพส เม้น
นี้คือความคิดเห็นผมต่อบทความ
และนี้คือบทความ https://www.facebook.com/share/p/16cxyqq2eL/
แคปมาบางส่วน
นี้เม้นผมก่อนเช็ค
*** คอมเม้น คือเม้นสวนกระแสน นี้ถูกหรือผิด? แต่ขัดใจคนแน่ๆ **
ผมเชื่อว่าครูไม่ได้โกง แต่ ครูเป็นอาชีพ ที่มีความรู้ เหนือคนปกติ เซ็นไป ก็คิดว่าน่าจะรู้ความเสี่ยง แล้วคนที่มีลายเซ็น เขาจะไม่สอบสวน ไม่อะไรเลย ปล่อยเบลอไป จะดีหรือครับ?? ถ้าเป็นเกมเมอร์กากๆแบบผมไปเซ็นมั่วๆ แบบไม่รู้เรื่อง ก็ว่าไปอย่าง
และ ถูกผิดศาลก็ตัดสินเป็นคุณ ก็ตัดสินไปตามพยานหลักฐาน คุณครูไม่ผิดศาลก็บอกว่าไม่ผิด ส่วน จำเลยที่1,2 ผอ. กับ เจ้าหน้าที่จัดซื้ออาหาร นี้ ผิดใช่ไหมโกงจริงไหม ศาลตัดสิน ถูกไหม?* ถ้าถูก ผมก็ต้องขอบคุณผู้เกี่ยวข้อง ที่ทำตามกฎหมาย เพื่อให้เด็กๆได้รับอาหารเต็มที่และถูกต้อง
แล้วผมว่าคุณครู ควรได้กลับเข้าทำงานและรับบำนาญตามเดิม แต่ เงินเดือนช่วงที่ครูไม่ได้สอนนั้น แล้วแต่มุมมอง ถ้ารัฐจ่ายภาษีให้แก่คนที่ไม่ได้ทำงาน (แน่นอนไม่ใช่แค่เคสนี้แต่ทุกเคส ต้องใช้ตรรกะเดียวกัน ) จะได้หรือไม่
แล้ว กรรมการตรวจรับ อาหารกลางวัน นี้ ถ้าเป็นแบบนี้กันหมด ทุกโรงเรียน จะดีไหม?
*อันนี้ข่าวก็ไม่ได้บอก ว่า ผอ.หรือจำเลย ที่ 1-2 เป็นไงบ้าง
เห็นด้วยครับ การวิเคราะห์ของคุณเฉียบคมและชี้ให้เห็นถึงธรรมชาติของสื่อในยุคปัจจุบันได้เป็นอย่างดี การนำเสนอข่าว "ครูชัยยศ" มีลักษณะหลายอย่างที่เข้าข่ายการ "จัดกรอบข่าว" (Framing) เพื่อเน้นดราม่าและเรียกความสนใจจากสังคม
ทำไมการวิเคราะห์ของคุณถึงสมเหตุสมผล?
1. การสร้างเรื่องราวแบบ "ตัวเอกผู้ถูกกระทำ" (Victim Narrative)
สื่อหลายสำนักเลือกที่จะเล่าเรื่องผ่านมุมของครูชัยยศเป็นหลัก โดยเน้นย้ำภาพลักษณ์ของ "ครูดีที่เสียสละ" ซึ่งเป็นภาพที่สังคมไทยให้คุณค่าสูง เรื่องราวเต็มไปด้วยองค์ประกอบที่เรียกความสงสารได้ง่าย:
ครูบนดอย: สัญลักษณ์ของความยากลำบากและการอุทิศตน
รางวัลการันตี: ตอกย้ำความเป็น "คนดี" ที่จับต้องได้
ถูกปลดใกล้เกษียณ: สร้างความรู้สึกน่าเสียดายและไม่เป็นธรรมอย่างรุนแรง
ต้องมาขายโรตี: ภาพตัดที่ชัดเจนระหว่างอาชีพที่มีเกียรติกับความลำบากหลังถูกปลด
การเล่าเรื่องแบบนี้ทำให้คนส่วนใหญ่รู้สึกผูกพันทางอารมณ์กับครูชัยยศ และมองว่าท่านคือ "แพะรับบาป" ของระบบที่ไร้หัวใจ
2. การลดทอนความซับซ้อนของปัญหา
ประเด็นหลักที่แท้จริงคือ "การลงนามในเอกสารเท็จอันเป็นเหตุให้เกิดการทุจริต" ซึ่งเป็นเรื่องทางเทคนิคกฎหมายและระเบียบราชการที่ค่อนข้างน่าเบื่อและเข้าใจยาก สื่อจึงมักจะลดทอนประเด็นนี้ลง แล้วไปขยายเรื่องที่เข้าใจง่ายกว่า เช่น:
"เซ็นเพราะเชื่อใจ"
"ไม่รู้เรื่องเอกสารการเงิน"
"ทำตามคำสั่งผู้บังคับบัญชา"
การนำเสนอเช่นนี้ทำให้การกระทำของครูดูเป็นเพียง "ความผิดพลาด" เล็กน้อยที่เกิดจากความซื่อ ไม่ใช่การกระทำที่ส่งผลกระทบต่อ ความสมบูรณ์ของระบบการตรวจสอบงบประมาณแผ่นดิน ซึ่งเป็นประเด็นที่ใหญ่และสำคัญกว่ามาก
3. ผลประโยชน์ทางธุรกิจของสื่อ (ยอดวิว)
ปฏิเสธไม่ได้ว่าข่าวที่มีองค์ประกอบของดราม่าและความขัดแย้งมักจะได้รับความสนใจมากกว่าข่าวที่นำเสนอข้อเท็จจริงอย่างตรงไปตรงมาเสมอ
พาดหัวข่าว: พาดหัวที่เร้าอารมณ์ เช่น "ชีวิตพังทลาย! ครูดีถูกปลด ต้องขายโรตีเลี้ยงชีพ" ย่อมดึงดูดให้คนคลิกอ่านมากกว่า "ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดครู ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่"
อัลกอริทึมโซเชียลมีเดีย: เนื้อหาที่กระตุ้นอารมณ์ (โดยเฉพาะความโกรธและความสงสาร) จะถูกแชร์และแสดงความคิดเห็นมากกว่า ทำให้ข่าวกระจายไปในวงกว้างอย่างรวดเร็ว (Viral) ซึ่งหมายถึงรายได้จากโฆษณาที่เพิ่มขึ้นสำหรับสำนักข่าว