cartoon by Tjeerd Royaards 3 "www.cartoonmovement.com/cartoon/income-tax" |
นโยบายภาษีเป็นเครื่องมือสำคัญที่รัฐบาลใช้ในการกระจายรายได้และส่งเสริมความเท่าเทียมในสังคม อย่างไรก็ตาม นโยบายภาษีแต่ละประเภทก็มีผลกระทบที่แตกต่างกันต่อกลุ่มคนที่มีรายได้ต่างกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นของความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ
นโยบายภาษีที่เป็นประเด็นถกเถียง
- การยกเลิกภาษีขั้นบันได(อัตราภาษีก้าวหน้า): การเปลี่ยนแปลงจากระบบภาษีขั้นบันไดไปเป็นระบบภาษีอัตราเดียว หรือการลดอัตราภาษีสูงสุด มักถูกมองว่าเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มคนที่มีรายได้สูง เนื่องจากจะทำให้พวกเขาเสียภาษีน้อยลง ขณะที่คนที่มีรายได้น้อย ไม่ได้รับประโยชน์ ( ก คนที่มีรายได้ต่อเดือนน้อยกว่า 62,500.00* บาท/เดือน )
- การเพิ่มภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT): ภาษี VAT เป็นภาษีอุปโภคบริโภคที่เก็บจากผู้บริโภคโดยตรง ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว คนที่มีรายได้น้อยจะได้รับผลกระทบจากภาษี VAT มากกว่า เนื่องจากสัดส่วนรายได้ที่ใช้ไปกับการบริโภคจะสูงกว่า ( หลายคน ใช้เงินเดือน/ค่าจ้างรายวัน ไปกับการบริโภคทั้งหมด ต่างจากคนรวย**)
- สิทธิประโยชน์ทางภาษี: การให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีแก่กลุ่มบุคคลหรือกิจกรรมบางอย่าง เช่น การลดหย่อนภาษีสำหรับการลงทุน หรือการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีแก่บริษัทข้ามชาติ อาจนำไปสู่ความไม่เท่าเทียมในการเสียภาษี เนื่องจากกลุ่มคนที่มีรายได้สูงและบริษัทขนาดใหญ่มีโอกาสเข้าถึงสิทธิประโยชน์เหล่านี้ได้มากกว่า
ผลกระทบต่อคนรวยและคนจน
- คนรวย: การยกเลิกภาษีขั้นบันไดและการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี จะช่วยลดภาระภาษีของคนรวย ทำให้พวกเขามีรายได้สุทธิเพิ่มขึ้นและสามารถรักษาหรือเพิ่มพูนความมั่งคั่งได้มากขึ้น ผู้สนับสนุนนโยบายเหล่านี้มักอ้างว่าการลดภาษีจะกระตุ้นให้เกิดการลงทุนและสร้างงาน
- คนจน: การเพิ่มภาษี VAT และการลดสิทธิประโยชน์ทางภาษีบางประเภท จะทำให้ค่าครองชีพของคนจนสูงขึ้น ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตและความสามารถในการออมเงินเพื่อการศึกษาหรือการลงทุนในอนาคต นอกจากนี้ การลดภาษีสำหรับคนรวยยังอาจทำให้ช่องว่างทางเศรษฐกิจระหว่างคนรวยและคนจนกว้างขึ้น
ประเด็นที่น่าสนใจและคำถาม
- ความเป็นธรรม: นโยบายภาษีควรออกแบบมาเพื่อให้มีความเป็นธรรมและแบ่งเบาภาระภาษีให้เท่าเทียมกันมากที่สุด
- การกระตุ้นเศรษฐกิจ: นโยบายภาษีควรมีความสมดุลระหว่างการกระตุ้นเศรษฐกิจและการสร้างรายได้ให้รัฐบาล
- การลดความเหลื่อมล้ำ: นโยบายภาษีควรมีส่วนช่วยลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสร้างสังคมที่เป็นธรรม
- ทางเลือกอื่น: มีทางเลือกอื่นใดบ้างในการจัดเก็บภาษีที่สามารถสร้างความเป็นธรรมและกระตุ้นเศรษฐกิจได้ เช่น ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ภาษีทรัพย์สิน หรือภาษีการทำธุรกรรมทางการเงิน
- การปฏิรูปภาษี: ควรมีการปรับปรุงกฎหมายและระเบียบเกี่ยวกับการใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีเพื่อป้องกันการหลีกเลี่ยงภาษีหรือไม่
- บทบาทของรัฐ: สังคมควรให้ความสำคัญกับการลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจมากน้อยเพียงใด และรัฐบาลควรมีบทบาทอย่างไรในการแก้ไขปัญหานี้
สรุป
นโยบายภาษีมีผลกระทบอย่างมากต่อความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ การออกแบบนโยบายภาษีที่เหมาะสมจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องคำนึงถึงทั้งประโยชน์ทางเศรษฐกิจและความเป็นธรรมในสังคม การอภิปรายและการมีส่วนร่วมของประชาชนในการกำหนดนโยบายภาษีจึงเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อให้ได้มาซึ่งนโยบายที่ตอบสนองต่อความต้องการของสังคมส่วนใหญ่
หมายเหตุ: บทความนี้เป็นเพียงการนำเสนอข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับนโยบายภาษีและผลกระทบต่อความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ เพื่อให้ผู้อ่านได้นำไปพิจารณาและศึกษาเพิ่มเติม
*ผู้ที่มีรายได้ระหว่าง 500,001 - 750,000 บาท/ปี ต้องจ่ายภาษีเรต 15%
และเรตสูงสุดผู้ที่มีรายได้ตั้งแต่ 5,000,001บาท/ปีขึ้นไป จะจ่ายภาษีเรต 35% และเมื่อยกเลิก เขาจะจายภาษีเพียง 15% หายไป 20%
** จากการศึกษาและข้อมูลที่มีอยู่ พบว่าโดยทั่วไปแล้ว คนรวยมักจะใช้จ่ายกับการบริโภคเพียงส่วนน้อยของรายได้ทั้งหมด พวกเขาจะนำเงินส่วนใหญ่ไปลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ เช่น หุ้น ตราสารหนี้ อสังหาริมทรัพย์ หรือธุรกิจ เพื่อสร้างรายได้ในระยะยาว
เหตุผลที่คนรวยมักไม่เน้นการบริโภคมากนัก ได้แก่:
- การสร้างความมั่งคั่ง: คนรวยมักมีความเข้าใจในหลักการทางการเงินและรู้จักวิธีการสร้างความมั่งคั่ง พวกเขาจึงเน้นการลงทุนมากกว่าการใช้จ่าย
- การรักษามูลค่าเงิน: เงินเฟ้อทำให้มูลค่าเงินลดลงเรื่อยๆ การลงทุนจึงเป็นวิธีหนึ่งในการรักษามูลค่าเงินให้คงอยู่
- อิสระทางการเงิน: การมีทรัพย์สินมากมายทำให้คนรวยมีอิสระทางการเงิน สามารถใช้ชีวิตได้อย่างสบายใจโดยไม่ต้องกังวลเรื่องรายได้
สรุป: แม้ว่าจะไม่มีตัวเลขที่แน่นอน แต่โดยทั่วไปแล้วคนรวยมักจะใช้จ่ายกับการบริโภคน้อยกว่าคนที่มีรายได้น้อย และจะนำเงินส่วนใหญ่ไปลงทุนเพื่อสร้างความมั่งคั่งในระยะยาว
อัตราภาษีก้าวหน้า: ระบบที่หลายประเทศทั่วโลกนำมาใช้
อัตราภาษีก้าวหน้า (Progressive Tax Rate) คือระบบการเก็บภาษีที่ผู้มีรายได้สูงจะต้องเสียภาษีในอัตราที่สูงกว่าผู้มีรายได้น้อย โดยแบ่งรายได้ออกเป็นช่วงๆ และกำหนดอัตราภาษีที่แตกต่างกันสำหรับแต่ละช่วง
เหตุผลที่หลายประเทศเลือกใช้ระบบนี้:
- ความเป็นธรรม: ถือเป็นการกระจายภาระภาษีให้เป็นธรรมมากขึ้น ผู้ที่มีรายได้สูงซึ่งสามารถแบกรับภาระได้มากกว่าก็จะต้องจ่ายภาษีในสัดส่วนที่มากกว่า
- ลดความเหลื่อมล้ำ: ช่วยลดช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจน ทำให้สังคมมีความเท่าเทียมมากขึ้น
- กระตุ้นเศรษฐกิจ: เงินภาษีที่ได้สามารถนำไปใช้ในการพัฒนาประเทศ สร้างโอกาสให้กับคนกลุ่มอื่นๆ
ประเทศที่ใช้อัตราภาษีก้าวหน้า
หลายประเทศทั่วโลกนำระบบภาษีก้าวหน้ามาใช้ โดยมีรายละเอียดและอัตราภาษีที่แตกต่างกันไป ตัวอย่างเช่น:
- สหรัฐอเมริกา: มีระบบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่ซับซ้อน มีการแบ่งช่วงรายได้และอัตราภาษีที่หลากหลาย
- สหราชอาณาจักร: มีระบบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่คล้ายคลึงกับสหรัฐอเมริกา
- ประเทศในยุโรปส่วนใหญ่: เช่น เยอรมนี ฝรั่งเศส อิตาลี เป็นต้น ต่างก็มีระบบภาษีก้าวหน้า
- ประเทศในเอเชีย: เช่น ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน ก็มีการใช้ระบบภาษีก้าวหน้าเช่นกัน
ประเทศไทย
ประเทศไทยก็มีการใช้ระบบภาษีก้าวหน้าสำหรับภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา โดยแบ่งรายได้ออกเป็นช่วงๆ และกำหนดอัตราภาษีที่แตกต่างกันไปตามช่วงรายได้
ข้อดีและข้อเสียของระบบภาษีก้าวหน้า
- ข้อดี:
- เป็นธรรม
- ลดความเหลื่อมล้ำ
- กระตุ้นเศรษฐกิจ
- ข้อเสีย:
- ระบบซับซ้อน
- อาจทำให้ผู้ที่มีรายได้สูงไม่ต้องการทำงานมากขึ้น
- การกำหนดขั้นและอัตราภาษีที่เหมาะสมเป็นเรื่องที่ซับซ้อน
สรุป
ระบบภาษีก้าวหน้าเป็นระบบที่ได้รับความนิยมในหลายประเทศ เนื่องจากเป็นระบบที่ค่อนข้างเป็นธรรมและช่วยลดความเหลื่อมล้ำในสังคม อย่างไรก็ตาม การออกแบบระบบภาษีให้มีประสิทธิภาพและเป็นธรรมนั้นต้องอาศัยการพิจารณาหลายปัจจัย และอาจมีข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกันไปในแต่ละบริบท
หากคุณต้องการทราบรายละเอียดเกี่ยวกับระบบภาษีของประเทศใดเป็นพิเศษ สามารถสอบถามได้เลยค่ะ
คำถามเพิ่มเติม:
- คุณอยากทราบเกี่ยวกับระบบภาษีของประเทศใดเป็นพิเศษหรือไม่?
- คุณสนใจเปรียบเทียบระบบภาษีระหว่างประเทศต่างๆ หรือไม่?
- คุณมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการคำนวณภาษีแบบขั้นบันไดเพิ่มเติมหรือไม่?
หมายเหตุ: ข้อมูลนี้เป็นข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับระบบภาษีแบบขั้นบันได การนำไปใช้จริงอาจมีความแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ ขอแนะนำให้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านภาษีเพื่อขอคำแนะนำที่ถูกต้องและเป็นปัจจุบัน
การเดา คนชั้นกลาง ที่จะกลายคนจน และคอยดูคนรวยจะยิ่งรวยขึ้น ใน 1ชั่วอายุคน ช่องว่างความรวยความจน จะถ่างออกไปอีก ตอนนี้เขาก็ว่า คนไทยจำนวน 1 % แต่ถือครองทรัพย์สินของคนไทยจำนวน 99% ซึ่งตอนนี้ยังไม่จริง แต่ในอนาคต เป็นไปได้ ถ้ายกเลิก อัตราภาษีก้าวหน้า และหรือออกกฎหมาย/แก้กฎหมาย เพื่อคนรวยๆ เพิ่มอีก
ข้อมูลจากปี 2015 ระบุว่าความมั่งคั่ง 56% ของประเทศไทยถือครองโดยคนเพ