ที่มา https://rankingdigitalrights.org/2021/10/14/cross-checking-facebook-frances-haugen/ |
ในยุคดิจิทัลที่โซเชียลมีเดียเป็นส่วนหนึ่งของการสื่อสารและการแสดงความคิดเห็นทางการเมือง Facebook กลายเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มหลักที่ทั้งประชาชนและนักการเมืองใช้ในการกระจายข้อมูลและแสดงออกถึงความคิดเห็นต่างๆ อย่างไรก็ตาม ฝ่ายรีพับลิกันในสหรัฐอเมริกาได้กล่าวหาว่าถูกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมบนแพลตฟอร์มนี้ โดยเฉพาะในแง่ของการเซ็นเซอร์และการลดการมองเห็นเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับแนวคิดอนุรักษนิยม ความเชื่อเหล่านี้นำไปสู่การวิจารณ์และตั้งคำถามต่อความเป็นกลางของ Facebook ในฐานะพื้นที่สาธารณะเสรี
ข้อกล่าวหาหลักของฝ่ายรีพับลิกัน
ฝ่ายรีพับลิกันเชื่อว่าพวกเขาถูกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมในหลายรูปแบบบน Facebook ได้แก่:
การเซ็นเซอร์เนื้อหา (Censorship):
ฝ่ายรีพับลิกันมองว่ามีการลบหรือระงับเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับแนวคิดทางการเมืองของฝ่ายขวาอย่างไม่ยุติธรรม โดยเฉพาะเรื่องการเลือกตั้ง การจัดการการแพร่ระบาดของโควิด-19 และนโยบายอื่น ๆ ที่ขัดแย้งกับแนวคิดเสรีนิยม พวกเขาเชื่อว่า Facebook มีนโยบายที่เข้มงวดต่อเนื้อหาของพวกเขาและพยายามจำกัดการเผยแพร่ข้อมูลที่ขัดต่อแนวคิดของฝ่ายเดโมแครตอัลกอริทึมและการมองเห็นเนื้อหา (Algorithmic Bias):
อีกหนึ่งข้อกล่าวหาคือ อัลกอริทึมของ Facebook ถูกออกแบบมาเพื่อลดการมองเห็นเนื้อหาของฝ่ายอนุรักษนิยม โดยนักการเมืองและนักข่าวที่สนับสนุนแนวคิดฝ่ายขวาเชื่อว่าโพสต์ของพวกเขาถูกลดการเข้าถึงและไม่ได้รับการกระจายข้อมูลอย่างเท่าเทียมกับเนื้อหาจากฝ่ายเดโมแครต ซึ่งทำให้เกิดการกระจายข่าวสารที่ไม่สมดุลการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่ไม่เท่าเทียม (Fact-Checking):
นโยบายการตรวจสอบข้อเท็จจริงของ Facebook ถูกฝ่ายรีพับลิกันมองว่าไม่เป็นกลาง โดยข้อมูลที่ถูกติดป้ายว่าเป็นข้อมูลบิดเบือนมักเป็นข้อมูลที่มาจากสำนักข่าวหรือนักการเมืองของฝ่ายรีพับลิกัน การติดป้ายและการลดการเข้าถึงเนื้อหาเหล่านี้ทำให้ฝ่ายรีพับลิกันเชื่อว่าการตรวจสอบข้อเท็จจริงเป็นเครื่องมือทางการเมืองที่ถูกใช้เพื่อลดความน่าเชื่อถือของพวกเขาการระงับบัญชีและการลงโทษทางเนื้อหา (Account Suspensions):
การระงับบัญชีผู้ใช้ที่สนับสนุนแนวคิดของฝ่ายขวา โดยเฉพาะการแบนอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เป็นตัวอย่างหนึ่งที่ฝ่ายรีพับลิกันใช้กล่าวหา Facebook ว่าลงโทษผู้ใช้อย่างไม่เป็นธรรมตามแนวคิดทางการเมือง ซึ่งพวกเขาเห็นว่าการกระทำเช่นนี้เป็นการลิดรอนเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น
เหตุผลเบื้องหลังและมุมมองจากฝ่าย Facebook
ทาง Facebook ได้อ้างว่า บริษัทมีนโยบายในการควบคุมข้อมูลบิดเบือนและข้อมูลที่อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อสังคม ทั้งนี้ การตรวจสอบและการควบคุมเนื้อหาถูกดำเนินการบนพื้นฐานของหลักเกณฑ์ที่ชัดเจนและไม่มีอคติทางการเมือง แต่อย่างไรก็ตาม ข้อกล่าวหาของฝ่ายรีพับลิกันได้ทำให้เกิดการตั้งคำถามถึงความโปร่งใสของนโยบายและแนวทางปฏิบัติของแพลตฟอร์มนี้
ผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือของ Facebook
ข้อกล่าวหาเรื่องการปฏิบัติไม่เป็นธรรมได้สร้างความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของ Facebook ในฐานะพื้นที่สาธารณะที่ควรเปิดโอกาสให้ทุกกลุ่มสามารถแสดงความคิดเห็นได้อย่างเท่าเทียม การถูกมองว่ามีอคติทางการเมืองทำให้เกิดความไม่ไว้วางใจจากผู้ใช้งานบางส่วน และนำไปสู่การเรียกร้องให้มีการปรับปรุงนโยบายเพื่อให้แน่ใจว่า Facebook จะเป็นพื้นที่กลางที่ปราศจากอิทธิพลทางการเมือง
สรุป
ข้อกล่าวหาว่า Facebook ปฏิบัติต่อฝ่ายรีพับลิกันอย่างไม่เป็นธรรมเป็นประเด็นที่สำคัญในยุคของการต่อสู้ทางการเมืองบนโลกดิจิทัล การเซ็นเซอร์และการควบคุมเนื้อหาที่ถูกมองว่าไม่ยุติธรรมเป็นเรื่องที่ต้องได้รับการแก้ไขอย่างโปร่งใสและยุติธรรม เพื่อรักษาความเชื่อมั่นในโซเชียลมีเดียในฐานะพื้นที่สำหรับการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นอย่างเสรี
แล้วยังมี CEO เฟสบุ๊ค ออกมาสารภาพ (2024) ว่ารับงานจากรัฐบาลไบเดน
Zuckerberg says he regrets not being more outspoken about ‘government pressure’ on COVID content
https://www.facebook.com/share/p/c3LiJPqSdo5wYh78/ |
หรือในเคสปี 2020
https://pantip.com/topic/41605144 |
มาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก เจ้าของเฟสบุ๊ค ได้ออกมายอมรับง่ายๆ กับ โจ โรแกน ว่า การแบน คำ/ข้อความ/บทความ ที่เกี่ยวข้องกับ การพัวพันและข้อกล่าวหาว่า โจ และ ฮันเตอร์ ไบเดน ทุจริตในหน้าที่ ก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ปี 2020 บนเฟสบุ๊ค ว่า เป็น “ความผิดพลาดของเฟสบุ๊ค” ซึ่งเกิดการเข้าใจผิด ต่อคำแจ้งเตือนที่ผิดพลาดเรื่องเฟคนิวส์ โดย FBI จนทำให้ โจ ไบเดน เป็นผู้ชนะการเลือกตั้ง
กรณีอื่นๆ จาก chatgpt
กรณีที่ Facebook ได้ลบโพสต์ของนักข่าวหลายคนที่เกี่ยวข้องกับประเด็นแคชเมียร์
นักข่าวชาวแคชเมียร์หลายคนและนักวิชาการที่โพสต์เกี่ยวกับแคชเมียร์ได้รายงานว่าบัญชีของพวกเขาถูกบล็อกหรือโพสต์ของพวกเขาถูกลบออก นอกจากนี้ สื่อท้องถิ่นบางแห่งที่รายงานเรื่องราวเกี่ยวกับแคชเมียร์ก็ประสบปัญหาเดียวกัน เช่น หน้าเพจของนิตยสารแคชเมียร์ชื่อดังถูกบล็อกโดย Facebook โดยไม่ระบุเหตุผลที่ชัดเจน ซึ่งทำให้เกิดคำถามเกี่ยวกับการจำกัดเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นบนแพลตฟอร์มนี้(
เหตุการณ์นี้ยังนำไปสู่การสอบสวนในรัฐสภาสหรัฐฯ เกี่ยวกับบทบาทของแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียในการควบคุมและจัดการข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการเมือง และทำให้เกิดการเรียกร้องให้มีการควบคุมแพลตฟอร์มเหล่านี้อย่างเข้มงวดมากขึ้นในอนาคต().
มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก (Mark Zuckerberg) ซีอีโอของ Facebook ได้ออกมาขอโทษเกี่ยวกับการจัดการของแพลตฟอร์มที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของโน้ตบุ๊คของฮันเตอร์ ไบเดน ในการให้สัมภาษณ์ในรายการ The Joe Rogan Experience เมื่อปี 2022 ซัคเคอร์เบิร์กกล่าวว่า Facebook ได้ตัดสินใจที่จะจำกัดการเผยแพร่บทความของ New York Post ชั่วคราวเนื่องจากได้รับคำแนะนำจาก FBI เกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่จะมีการเผยแพร่ข้อมูลเท็จหรือการแทรกแซงจากต่างชาติ
การขอโทษนี้มาพร้อมกับการยอมรับว่าการจัดการของ Facebook ในช่วงเวลานั้นเป็นปัญหาและอาจส่งผลกระทบต่อการรับรู้ของประชาชนเกี่ยวกับเรื่องนี้ ซัคเคอร์เบิร์กยังกล่าวว่าบริษัทกำลังพยายามปรับปรุงวิธีการจัดการเนื้อหาที่ละเอียดอ่อนในอนาคตเพื่อป้องกันการเกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก().