การที่คนที่ถูกเรียกว่า โอตาคุ ที่ชอบ อนิเมะ, มังงะ, เกม หรือ เรื่องอื่น ๆ ไม่ได้หมายความว่าเป็นโลลิคอนหรือใคร่เด็ก ตามที่คนส่วนใหญ่มีอคติ
ทั้งที่ หลายคดีในข่าว เราจะพบว่า ผู้กระทำผิดเกี่ยวกับการใคร่เด็ก อาจเป็นคนในครอบครัว เป็นครู เป็นคนมีชื่อเสียง หรือคนที่ดู "ไม่มีพิษมีภัย" ต่อหน้าคนทั่วไปทั้งนั้น เพราะแบบนั้นถึงต้องระวัง "พฤติกรรม" มากกว่า "ภาพลักษณ์"
การเหมารวมนี้สร้างความเสียหายและไม่ยุติธรรม ต่อโอตาคุทั่วโลก โดยเฉพาะโอตาคุ ตามที่คนคิดว่า ต้องอ้วน ใส่แว่น เป็นสิว น่าเกลียด ต้องเป็นพวก ลวนลามเด็ก น่ารังเกียจ จากภาพ เราจะเห็น โอตาคุ เอ ถือฟิกเกอร์ เด็กหญิงใส่ชุดกะลาสี ซึ่งทำให้คนทั่วไป เชื่อว่า คนเหล่านี้ใครเด็ก หรือเป็น pedo จากการที่หลงรัก ตัวละคร ผู้เยาว์ สมุติ ที่คนไทยน่าจะรู้จักเยอะเช่น Hatsune Miku แล้วคนที่หลงรัก ถึงขั้นอยากแต่งงาน หรือแต่งงานไปแล้ว แบบ นาย อกิฮิโกะ คอนดะ (Akihiko Konda) เป็น Lolicon หรือไม่ อันนี้ ผมก็ถามคนกลาง ที่มีความเป็นกลาง เช่น AI ได้คำตอบดังนี้
จากข้อความข้างต้น เราได้เห็นอย่างชัดเจนว่าการเชื่อมโยงกลุ่มคนที่เรียกว่า "โอตาคุ" ผู้ซึ่งมีความชื่นชอบในอนิเมะ, มังงะ, เกม หรือวัฒนธรรมย่อยอื่นๆ กับภาพลักษณ์ของ "โลลิคอน" หรือผู้ที่ใคร่เด็กนั้น เป็นอคติที่ไร้เหตุผลและสร้างความเสียหายอย่างมากต่อผู้ที่ถูกเหมารวม
ดังนั้น การเหมารวมว่า "โอตาคุ = โลลิคอน" เป็นการตีตราที่ไม่เป็นธรรม และเป็นการสร้างภาพลักษณ์เชิงลบแบบเหมารวมโดยไร้พื้นฐานความจริง เราต้องเข้าใจว่า ความชอบในอนิเมะหรือมังงะไม่ได้เป็นตัวชี้วัดพฤติกรรมหรือศีลธรรมของใครคนใดคนหนึ่ง สิ่งที่ควรแยกให้ออก คือ “รสนิยมในการบริโภคสื่อ” กับ “พฤติกรรมในชีวิตจริง”
การเหมารวมเช่นนี้ ทำให้โอตาคุหลายคนถูกเลือกปฏิบัติ ถูกล้อเลียน หรือถูกสังคมรังเกียจ ทั้งที่เขาอาจจะเป็นเพียงคนธรรมดา ที่มีความสุขกับการดูการ์ตูน หรือสะสมฟิกเกอร์เท่านั้น ไม่ต่างจากคนที่สะสมโมเดลรถหรือดูฟุตบอลเลย
ทำไมอคติเช่นนี้ถึงเกิดขึ้น? อาจเป็นเพราะความไม่เข้าใจในวัฒนธรรมย่อยของโอตาคุ หรือการนำเสนอภาพลักษณ์ที่บิดเบือนในสื่อบางประเภท ที่มักจะเน้นย้ำไปที่ลักษณะภายนอกตามภาพเหมารวม เช่น อ้วน, ใส่แว่น, เป็นสิว, ดูน่าเกลียด และเชื่อมโยงพวกเขาเข้ากับพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม
แต่ในความเป็นจริง ดังที่เราได้เห็นจากตัวอย่างของบุคคลที่มีชื่อเสียงอย่าง คิมซูฮยอน ( 김수현 ,Kim Soo Hyun) หรือ พี่บาส สมรักษ์
ผู้ซึ่งไม่ได้มีลักษณะตรงตามภาพเหมารวมของโอตาคุ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการกระทำผิดทางเพศไม่ได้จำกัดอยู่กับกลุ่มคนที่มีลักษณะเฉพาะใดๆ
อีกประเด็นที่สำคัญคือ กฎหมายว่าด้วยเรื่องการใคร่เด็ก หรือโลลิคอน ต้องพิจารณาจาก "อายุของผู้เสียหาย" ไม่ใช่จากรูปร่าง หน้าตา หรือความเข้าใจส่วนตัว เช่นกรณีของพี่บาส สมรักษ์ ที่ถึงแม้อาจจะไม่มีเจตนา แต่ก็ยังโดนข้อกล่าวหา เนื่องจากบุคคลที่เกี่ยวข้องยังไม่ถึงเกณฑ์ตามกฎหมาย การรู้เท่าไม่ถึงการณ์ไม่ได้หมายความว่าไม่มีความผิด กฎหมายไม่ได้เว้นให้แม้จะเหลือเวลาเพียงหนึ่งวันก่อนอายุครบ 18 ปี
คำว่า "โอตาคุ" นั้นเป็นคำที่กว้างขวาง ครอบคลุมถึงผู้ที่มีความหลงใหลและทุ่มเทให้กับงานอดิเรกหรือความสนใจเฉพาะด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นอนิเมะ, มังงะ, เกม, รถไฟ, หรืออื่นๆ อีกมากมาย การนำคนกลุ่มใหญ่ที่มีความหลากหลายเช่นนี้ มาเหมารวมและตัดสินด้วยอคติเพียงเพราะความชอบของพวกเขา จึงเป็นสิ่งที่อยุติธรรมอย่างยิ่ง
เราควรตระหนักว่าการล่วงละเมิดทางเพศเด็กเป็นอาชญากรรมที่ร้ายแรง และผู้กระทำผิดนั้นมาจากหลากหลายภูมิหลังและมีลักษณะที่แตกต่างกันไป การมุ่งเป้าไปที่กลุ่มคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งโดยเฉพาะจากอคติ อาจทำให้เราละเลยการสังเกตสัญญาณอันตรายที่แท้จริง และไม่สามารถป้องกันปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เมื่อหันกลับมามองโอตาคุส่วนใหญ่ พวกเขาไม่เพียงไม่ได้เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมผิดกฎหมายดังกล่าว แต่ยังเป็นกลุ่มที่มีความคิดสร้างสรรค์สูง สนับสนุนเศรษฐกิจในอุตสาหกรรมบันเทิง ทั้งการ์ตูน เกม แอนิเมชัน และสินค้าที่เกี่ยวข้องอีกมากมาย หลายคนยังเป็นนักวาด นักเขียน นักพัฒนาเกม หรือแม้แต่นักแปลอาสาที่ช่วยให้คนไทยได้เข้าถึงผลงานต่างประเทศด้วยซ้ำ
สังคมควรเปิดใจและแยกแยะให้ชัดเจน ระหว่าง “ความชอบเฉพาะทาง” กับ “พฤติกรรมที่ผิดศีลธรรม” เพราะไม่ใช่แค่โอตาคุ แต่กลุ่มคนอื่น ๆ ก็อาจตกเป็นเหยื่อของการเหมารวมได้เช่นกัน หากเรายังปล่อยให้อคติชี้นำความเข้าใจโดยไม่มีเหตุผลและข้อมูลที่ถูกต้อง
ถึงเวลาแล้วที่เราจะก้าวข้ามอคติเหมารวม และมองผู้คนด้วยความเข้าใจและเคารพในความแตกต่าง ความชื่นชอบในอนิเมะ, มังงะ, หรือเกม ไม่ได้บ่งบอกถึงเจตนาหรือพฤติกรรมที่ไม่ดี การตัดสินบุคคลจากภายนอกหรือความชอบส่วนตัว เป็นสิ่งที่สร้างความเสียหายและไม่นำไปสู่สังคมที่ดีขึ้น