บทความ ต้นฉบับ โดย poipoi
นี้คือแว่นตา ป้องกัน โดนแทกหน้า ( face tracking ) เพื่อความเป็นส่วนตัวอันนี้ ตอนนี้ น่าจะใช้ได้ดี แค่ที่จีน กับ ยุโรป ที่ AI มันเรู้ว่าใคร ทำอะไรที่ไหนเมื่อไหร่
เหมาะกับใคร? ดารา? โจร? ตำรวจนอกเครื่องแบบ? สายลับ? ตำรวจที่อยู่ในแก๊ง เล่นแป้ง? ก็ไม่รู้สิ
แว่นตานี้ถูกพัฒนาขึ้น โดยสถาบัน National Institute of Informatics (NII) ในประเทศญี่ปุ่น เมื่อประมาณ 10 กว่าปีก่อน
หลักการทำงาน: เทคโนโลยีนี้มีอยู่ 2 รุ่นหลักๆ
รุ่นแรก: ใช้หลอดไฟ Near-infrared (NIR) LED ติดไว้รอบๆ ดวงตาและจมูก แสงนี้มนุษย์มองไม่เห็น แต่กล้องดิจิทัลจะมองเห็นเป็นแสงจ้า ทำให้ AI ไม่สามารถจับลักษณะสำคัญของใบหน้าได้
รุ่นใหม่ (ไม่ต้องใช้ไฟ): ออกแบบเลนส์และกรอบแว่นให้มีลวดลายและมุมพิเศษที่สามารถสะท้อนและดูดซับแสงได้ ทำให้บริเวณรอบดวงตาและจมูกในภาพถ่ายดูผิดเพี้ยนไปจากปกติ จน AI ไม่สามารถวิเคราะห์และระบุตัวตนได้
แว่นนี้ มีเมื่อประมาณ 10 กว่าปีก่อน แต่ผมเพิ่งเห็นคลิปวันนี้ AI น่าจะดันมา อาจจะอาเจนด้า หรือ อะไรก็ไม่รู้
บทความปรับปรุงโดย Gemini pro
Privacy Visor: แว่นตาญี่ปุ่นผู้ท้าทาย AI ป้องกันการสแกนใบหน้า
นี่คือเรื่องราวของ "Privacy Visor" แว่นตาคอนเซ็ปต์สุดล้ำที่ถูกออกแบบมาเพื่อเป้าหมายเดียว คือการปกป้องความเป็นส่วนตัวของผู้สวมใส่จากการถูกติดตามด้วยเทคโนโลยีจดจำใบหน้า (Face Tracking)
แว่นตานี้ถูกพัฒนาขึ้นโดยสถาบัน National Institute of Informatics (NII) ในประเทศญี่ปุ่นเมื่อประมาณ 9-10 ปีก่อน แม้จะเป็นโครงการที่เกิดขึ้นมานานแล้ว แต่ล่าสุดได้กลับมาเป็นที่พูดถึงอีกครั้ง ซึ่งหลายคนตั้งข้อสังเกตว่าอาจเป็นเพราะอัลกอริทึม AI ของโซเชียลมีเดีย ได้ผลักดันคลิปวิดีโอเกี่ยวกับแว่นตานี้ขึ้นมา ท่ามกลางกระแสความกังวลเรื่องความเป็นส่วนตัวที่เพิ่มสูงขึ้นทั่วโลก
หลักการทำงานเป็นอย่างไร?
เทคโนโลยี Privacy Visor มีการพัฒนาออกมา 2 รุ่นหลักๆ ด้วยกัน:
รุ่นแรก (ใช้แสงอินฟราเรด): แว่นตารุ่นนี้จะติดตั้งหลอดไฟ Near-infrared (NIR) LED ไว้รอบดวงตาและจมูก ซึ่งแสงนี้ดวงตามนุษย์จะมองไม่เห็น แต่เซ็นเซอร์ของกล้องดิจิทัลสามารถตรวจจับได้ เมื่อถ่ายภาพหรือวิดีโอ แสงอินฟราเรดจะปรากฏเป็นแสงจ้า ทำให้ AI ไม่สามารถวิเคราะห์และจับลักษณะสำคัญของใบหน้าได้
รุ่นใหม่ (ไม่ต้องใช้พลังงาน): เป็นการออกแบบที่ชาญฉลาดขึ้น โดยไม่ต้องใช้แบตเตอรี่ เลนส์และกรอบแว่นถูกออกแบบด้วยวัสดุและลวดลายที่มีคุณสมบัติพิเศษในการสะท้อนและดูดซับแสง ทำให้ภาพใบหน้าบริเวณรอบดวงตาและจมูกที่กล้องจับได้นั้นดูผิดเพี้ยนไปจากความเป็นจริง จนอัลกอริทึมของ AI ไม่สามารถประมวลผลและระบุตัวตนได้สำเร็จ
แว่นนี้เหมาะกับใคร?
นี่คือคำถามที่น่าสนใจและยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจน ผู้ใช้งานอาจมีได้หลากหลายกลุ่ม ตั้งแต่:
ดาราหรือบุคคลสาธารณะ ที่ต้องการหลีกเลี่ยงการถูกถ่ายภาพเพื่อรักษาความเป็นส่วนตัว
ประชาชนทั่วไป ที่กังวลเรื่องการถูกสอดส่องโดยรัฐบาลหรือองค์กรเอกชน
ไปจนถึงกลุ่มที่อาจนำไปใช้ในทางที่ผิด เช่น อาชญากร ที่ต้องการหลบเลี่ยงกล้องวงจรปิด หรือแม้กระทั่ง เจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบ และ สายลับ ที่ต้องการปกปิดตัวตนในภารกิจ
ใช้ได้ผลดีแค่ในบางพื้นที่จริงหรือ?
มีความเห็นว่าแว่นตานี้น่าจะใช้ได้ผลดีเป็นพิเศษในพื้นที่ที่มีการใช้ระบบสอดส่องดูแลด้วย AI อย่างเข้มข้น เช่น ในประเทศจีน หรือในยุโรปที่มีการถกเถียงเรื่องกฎหมายความเป็นส่วนตัวอย่างจริงจัง อย่างไรก็ตาม หลักการของแว่นนี้คือการต่อสู้กับ "อัลกอริทึม" โดยตรง จึงสามารถใช้งานได้ในทุกที่ที่มีเทคโนโลยีจดจำใบหน้าอยู่
--------------
ลิงค์จ้า
https://www.youtube.com/watch?v=bVaDxJPYjTs
https://www.youtube.com/watch?v=HbXvZ1XKdWk
https://www.privacyglasses.net/news/the-story-of-privacy-visor/