วันศุกร์ที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2568

Privacy Visor แว่น 10 ปีไม่ฮิต แต่ตอนนี้มันจะมาหรือไม่?

 


บทความ ต้นฉบับ โดย poipoi 

นี้คือแว่นตา ป้องกัน โดนแทกหน้า ( face tracking )   เพื่อความเป็นส่วนตัว
อันนี้ ตอนนี้ น่าจะใช้ได้ดี  แค่ที่จีน กับ ยุโรป  ที่ AI มันเรู้ว่าใคร ทำอะไรที่ไหนเมื่อไหร่  
เหมาะกับใคร? ดารา? โจร? ตำรวจนอกเครื่องแบบ? สายลับ? ตำรวจที่อยู่ในแก๊ง เล่นแป้ง? ก็ไม่รู้สิ 
แว่นตานี้ถูกพัฒนาขึ้น  โดยสถาบัน National Institute of Informatics (NII) ในประเทศญี่ปุ่น เมื่อประมาณ  10 กว่าปีก่อน

หลักการทำงาน: เทคโนโลยีนี้มีอยู่ 2 รุ่นหลักๆ
รุ่นแรก: ใช้หลอดไฟ Near-infrared (NIR) LED ติดไว้รอบๆ ดวงตาและจมูก แสงนี้มนุษย์มองไม่เห็น แต่กล้องดิจิทัลจะมองเห็นเป็นแสงจ้า ทำให้ AI ไม่สามารถจับลักษณะสำคัญของใบหน้าได้
รุ่นใหม่ (ไม่ต้องใช้ไฟ): ออกแบบเลนส์และกรอบแว่นให้มีลวดลายและมุมพิเศษที่สามารถสะท้อนและดูดซับแสงได้ ทำให้บริเวณรอบดวงตาและจมูกในภาพถ่ายดูผิดเพี้ยนไปจากปกติ จน AI ไม่สามารถวิเคราะห์และระบุตัวตนได้
 แว่นนี้ มีเมื่อประมาณ  10 กว่าปีก่อน แต่ผมเพิ่งเห็นคลิปวันนี้ AI  น่าจะดันมา อาจจะอาเจนด้า หรือ อะไรก็ไม่รู้

บทความปรับปรุงโดย Gemini pro

Privacy Visor: แว่นตาญี่ปุ่นผู้ท้าทาย AI ป้องกันการสแกนใบหน้า

นี่คือเรื่องราวของ "Privacy Visor" แว่นตาคอนเซ็ปต์สุดล้ำที่ถูกออกแบบมาเพื่อเป้าหมายเดียว คือการปกป้องความเป็นส่วนตัวของผู้สวมใส่จากการถูกติดตามด้วยเทคโนโลยีจดจำใบหน้า (Face Tracking)

แว่นตานี้ถูกพัฒนาขึ้นโดยสถาบัน National Institute of Informatics (NII) ในประเทศญี่ปุ่นเมื่อประมาณ 9-10 ปีก่อน แม้จะเป็นโครงการที่เกิดขึ้นมานานแล้ว แต่ล่าสุดได้กลับมาเป็นที่พูดถึงอีกครั้ง ซึ่งหลายคนตั้งข้อสังเกตว่าอาจเป็นเพราะอัลกอริทึม AI ของโซเชียลมีเดีย ได้ผลักดันคลิปวิดีโอเกี่ยวกับแว่นตานี้ขึ้นมา ท่ามกลางกระแสความกังวลเรื่องความเป็นส่วนตัวที่เพิ่มสูงขึ้นทั่วโลก

หลักการทำงานเป็นอย่างไร?

เทคโนโลยี Privacy Visor มีการพัฒนาออกมา 2 รุ่นหลักๆ ด้วยกัน:

  1. รุ่นแรก (ใช้แสงอินฟราเรด): แว่นตารุ่นนี้จะติดตั้งหลอดไฟ Near-infrared (NIR) LED ไว้รอบดวงตาและจมูก ซึ่งแสงนี้ดวงตามนุษย์จะมองไม่เห็น แต่เซ็นเซอร์ของกล้องดิจิทัลสามารถตรวจจับได้ เมื่อถ่ายภาพหรือวิดีโอ แสงอินฟราเรดจะปรากฏเป็นแสงจ้า ทำให้ AI ไม่สามารถวิเคราะห์และจับลักษณะสำคัญของใบหน้าได้

  2. รุ่นใหม่ (ไม่ต้องใช้พลังงาน): เป็นการออกแบบที่ชาญฉลาดขึ้น โดยไม่ต้องใช้แบตเตอรี่ เลนส์และกรอบแว่นถูกออกแบบด้วยวัสดุและลวดลายที่มีคุณสมบัติพิเศษในการสะท้อนและดูดซับแสง ทำให้ภาพใบหน้าบริเวณรอบดวงตาและจมูกที่กล้องจับได้นั้นดูผิดเพี้ยนไปจากความเป็นจริง จนอัลกอริทึมของ AI ไม่สามารถประมวลผลและระบุตัวตนได้สำเร็จ

แว่นนี้เหมาะกับใคร?

นี่คือคำถามที่น่าสนใจและยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจน ผู้ใช้งานอาจมีได้หลากหลายกลุ่ม ตั้งแต่:

  • ดาราหรือบุคคลสาธารณะ ที่ต้องการหลีกเลี่ยงการถูกถ่ายภาพเพื่อรักษาความเป็นส่วนตัว

  • ประชาชนทั่วไป ที่กังวลเรื่องการถูกสอดส่องโดยรัฐบาลหรือองค์กรเอกชน

  • ไปจนถึงกลุ่มที่อาจนำไปใช้ในทางที่ผิด เช่น อาชญากร ที่ต้องการหลบเลี่ยงกล้องวงจรปิด หรือแม้กระทั่ง เจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบ และ สายลับ ที่ต้องการปกปิดตัวตนในภารกิจ

ใช้ได้ผลดีแค่ในบางพื้นที่จริงหรือ?

มีความเห็นว่าแว่นตานี้น่าจะใช้ได้ผลดีเป็นพิเศษในพื้นที่ที่มีการใช้ระบบสอดส่องดูแลด้วย AI อย่างเข้มข้น เช่น ในประเทศจีน หรือในยุโรปที่มีการถกเถียงเรื่องกฎหมายความเป็นส่วนตัวอย่างจริงจัง อย่างไรก็ตาม หลักการของแว่นนี้คือการต่อสู้กับ "อัลกอริทึม" โดยตรง จึงสามารถใช้งานได้ในทุกที่ที่มีเทคโนโลยีจดจำใบหน้าอยู่

--------------

ลิงค์จ้า
https://www.youtube.com/watch?v=bVaDxJPYjTs

https://www.youtube.com/watch?v=HbXvZ1XKdWk 

https://www.privacyglasses.net/news/the-story-of-privacy-visor/