Motion Sickness เล่นเกมส์แล้วปวดหัว เมื่ออายุมากขึ้น

 

Motion Sickness ในการเล่นเกมเมื่อเข้าสู่วัยสูงอายุ: สาเหตุและวิธีการป้องกัน

Motion Sickness หรืออาการเมารถ ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่การเดินทางเท่านั้น แต่ยังสามารถเกิดขึ้นได้ในระหว่างการเล่นเกม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวัยสูงอายุที่ความสามารถในการปรับตัวของสมองและระบบการทรงตัวเริ่มเสื่อมสภาพ

สาเหตุของ Motion Sickness ในการเล่นเกมเมื่อเข้าสู่วัยสูงอายุ

1. การประมวลผลทางสายตาและการทรงตัวที่ลดลง
   เมื่ออายุมากขึ้น การประมวลผลภาพจากสายตาและระบบการทรงตัวในหูชั้นในอาจทำงานได้ไม่เต็มที่ ทำให้เกิดความสับสนระหว่างสิ่งที่ตาเห็นและสิ่งที่สมองรับรู้ ส่งผลให้เกิดอาการเวียนหัว คลื่นไส้ และอาการ Motion Sickness ขึ้น

2. การเคลื่อนไหวที่ไม่ตรงกับความรู้สึก
   ในเกมที่มีการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว เช่น เกมยิงปืน (FPS) หรือเกมเสมือนจริง (VR) อาจทำให้เกิดการไม่สอดคล้องกันระหว่างสิ่งที่ผู้เล่นเห็นในจอและการเคลื่อนไหวของร่างกายจริง ซึ่งจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอาการ Motion Sickness โดยเฉพาะในวัยสูงอายุที่ระบบประสาทไวต่อการเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อมน้อยลง

3. ความไวต่อการเปลี่ยนแปลงของแสงและภาพ
   วัยสูงอายุอาจมีความไวต่อการเปลี่ยนแปลงของแสงและภาพในเกม เช่น การสลับภาพอย่างรวดเร็ว หรือการเคลื่อนไหวของฉากที่ซับซ้อน สิ่งเหล่านี้สามารถกระตุ้นให้เกิดอาการ Motion Sickness ได้

วิธีการป้องกันและบรรเทาอาการ Motion Sickness ในการเล่นเกม

1. เลือกเกมที่เหมาะสม
   ควรเลือกเล่นเกมที่มีการเคลื่อนไหวไม่เร็วเกินไป เช่น เกมแนววางแผนหรือเกมปริศนา ซึ่งไม่ต้องมีการเคลื่อนไหวของกล้องหรือภาพอย่างรวดเร็ว

2. ปรับการตั้งค่าภาพในเกม
   ลดความไวในการหมุนกล้อง ปรับความละเอียดของภาพ หรือปรับระดับการสั่นของหน้าจอ (Motion Blur) เพื่อลดการกระตุ้นที่อาจทำให้เกิดอาการ Motion Sickness

3. พักสายตาเป็นระยะ
   การพักสายตาเป็นระยะทุกๆ 20-30 นาที จะช่วยลดความเหนื่อยล้าของสายตาและสมอง และช่วยป้องกันอาการ Motion Sickness ได้

4. ใช้ยาที่ช่วยลดอาการ Motion Sickness
   หากจำเป็น สามารถใช้ยาที่ช่วยลดอาการ Motion Sickness เช่น ยาต้านฮีสตามีน (Antihistamines) แต่ควรปรึกษาแพทย์ก่อนการใช้ยา โดยเฉพาะในวัยสูงอายุ

5. หลีกเลี่ยงการเล่นเกมในห้องที่มีแสงน้อยหรือจอที่ใหญ่เกินไป
   การเล่นเกมในห้องที่มีแสงสว่างเพียงพอและใช้จอขนาดเหมาะสมจะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอาการ Motion Sickness ได้

บทสรุป

Motion Sickness ในการเล่นเกมอาจกลายเป็นปัญหาสำหรับผู้สูงอายุที่ต้องการเพลิดเพลินกับการเล่นเกม การเข้าใจสาเหตุและวิธีการป้องกันอาการเหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญในการรักษาสุขภาพและเพิ่มความสนุกสนานในการเล่นเกมอย่างต่อเนื่อง โดยการปรับเปลี่ยนวิธีการเล่นและสภาพแวดล้อมให้เหมาะสมสามารถช่วยลดอาการ Motion Sickness และทำให้ประสบการณ์การเล่นเกมในวัยสูงอายุเป็นไปอย่างราบรื่นและสนุกสนาน 

 เอาตรงๆ อาการนี้เกิดขึ้นกับเพื่อนผมหลายคนเวลาชวนเล่นเกม

ถ้าตอนนี้ ใครปฎิเสธ เล่นเกม โดยอ้างว่า ปวดหัว (Motion Sickness) แปลว่าสมองเจ้าแก่แล้ว

การทำลายฐานแฟนคลับ เพื่อ เอาใจหวังลูกค้า กลุ่มใหม่ ของ Budweiser (บัดไวเซอร์) สู่ Star Wars (สตาร์วอร์ส)

การทำลายฐานแฟนคลับ เพื่อ  เอาใจหวังลูกค้า กลุ่มใหม่ ของ Budweiser (บัดไวเซอร์)  สู่  Star Wars (สตาร์วอร์ส)

เมื่อเราพูดถึงความสำเร็จหรือความล้มเหลวในด้านการตลาด การเปรียบเทียบกับโลกของการเล่าเรื่องในภาพยนตร์ Star Wars สามารถทำให้เห็นภาพได้ชัดเจนมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อมองจากมุมมองของการรักษาภาพลักษณ์และฐานแฟนคลับที่เหนียวแน่น

1. การรักษาภาพลักษณ์ของแบรนด์/เรื่องราว

บัดไวเซอร์: ภาพลักษณ์ของบัดไวเซอร์ในฐานะ “เบียร์ของผู้ชาย/เบียร์แมนๆ” ถูกสร้างขึ้นมาอย่างยาวนาน ซึ่งคล้ายกับการที่ Star Wars สร้างภาพลักษณ์ของตนเองในฐานะภาพยนตร์ที่ดึงดูดเด็กผู้ชายและเด็กเนิร์ด ให้เข้ามาสนุกกับเรื่องราวที่เต็มไปด้วยการผจญภัยในอวกาศและความขัดแย้งระหว่างความดีและความชั่ว อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจของบัดไวเซอร์ในการเปลี่ยนภาพลักษณ์ของแบรนด์ไปเป็น “เบียร์ของคนข้ามเพศ” โดยไม่คำนึงถึงฐานลูกค้าหลัก นำไปสู่ความล้มเหลวทางการตลาดอย่างชัดเจน

Star Wars: ในทำนองเดียวกัน Star Wars เองก็เผชิญกับความท้าทายในการรักษาภาพลักษณ์ของแบรนด์ เมื่อมีการสร้างภาคต่อหรือเนื้อเรื่องที่แตกต่างจากที่แฟนคลับคาดหวัง เช่น การเปลี่ยนทิศทางของเรื่องราวจากสิ่งที่เด็กผู้ชายและเด็กเนิร์ดสนุกไปกับการผจญภัยในอวกาศและฮีโร่ ไปเป็นเรื่องที่ไม่สอดคล้องกับสิ่งที่พวกเขาชื่นชอบ เนื้อเรื่องไม่สมเหตุสมผล เพียงเพื่อจะมาดันตัวละครให้เก่งกาจ ซึ่งสะท้อนในคะแนนรีวิวที่ต่ำของซีรีส์ "Star Wars: The Acolyte" ที่ถูกวิจารณ์ว่าไม่สอดคล้องกับสิ่งที่แฟนคลับคาดหวัง

2. ฐานแฟนคลับที่เหนียวแน่น

บัดไวเซอร์: บัดไวเซอร์มีฐานลูกค้าที่ภักดีมานานหลายทศวรรษ เหมือนกับฐานแฟนคลับของ Star Wars ที่มีมาตั้งแต่ภาคแรกของภาพยนตร์ แต่เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงที่ไม่สอดคล้องกับความคาดหวัง บัดไวเซอร์ก็สูญเสียฐานลูกค้าหลักทันที ยอดขายตกลง และถูกเบียร์คู่แข่งแย่งชิงตำแหน่งเบียร์ที่ขายดีที่สุดไป

Star Wars: เช่นเดียวกัน Star Wars มีฐานแฟนคลับที่เหนียวแน่น แต่การเล่าเรื่องที่ไม่สอดคล้องกับความคาดหวังของแฟนคลับในภาคใหม่ๆ บางครั้งก็ทำให้แฟนคลับรู้สึกไม่พอใจ ถึงแม้ว่าจะยังคงมีฐานแฟนคลับที่กว้างขวาง แต่การต่อต้านบางส่วนก็แสดงให้เห็นว่าการเปลี่ยนแปลงโดยไม่คำนึงถึงความรู้สึกของแฟนๆ อาจส่งผลกระทบต่อการยอมรับของพวกเขา

3. การปรับเปลี่ยนเพื่อตอบสนองกลุ่มใหม่

บัดไวเซอร์: ความพยายามในการขยายกลุ่มลูกค้าของบัดไวเซอร์ไปยังกลุ่ม LGBTQ+ นั้นเป็นสิ่งที่มีความตั้งใจดี แต่ปัญหาอยู่ที่การขาดความเข้าใจในกลุ่มเป้าหมายใหม่ และการเปลี่ยนแปลงที่รุนแรงเกินไป ทำให้สูญเสียฐานลูกค้าเดิมอย่างรวดเร็ว

Star Wars: ในทางกลับกัน Star Wars ก็พยายามที่จะขยายฐานแฟนคลับไปยังกลุ่มใหม่ๆ ด้วยการเพิ่มตัวละครที่หลากหลายทางเพศและเชื้อชาติ แม้ว่าการเปลี่ยนแปลงนี้จะได้รับการตอบรับดีจากกลุ่มใหม่ แต่ก็ก่อให้เกิดการต่อต้านจากแฟนคลับบางส่วนที่ไม่พอใจกับการเปลี่ยนแปลงที่พวกเขามองว่าไม่สอดคล้องกับเรื่องราวเดิม

4. บทเรียนที่ได้รับ

บัดไวเซอร์: บทเรียนที่ได้รับจากกรณีของบัดไวเซอร์คือ ความสำคัญของการเข้าใจในความรู้สึกและความคาดหวังของฐานลูกค้าหลัก และการเปลี่ยนแปลงต้องทำอย่างรอบคอบ เพื่อไม่ให้สูญเสียความไว้วางใจจากลูกค้า

Star Wars: สำหรับ Star Wars การตอบสนองต่อกลุ่มใหม่โดยไม่ละเลยฐานแฟนคลับเดิมเป็นเรื่องที่สำคัญเช่นกัน การรักษาความสมดุลระหว่างการพัฒนาเรื่องราวใหม่ๆ และการคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ที่แฟนๆ รัก ถือเป็นกุญแจสำคัญในการรักษาความสำเร็จของแบรนด์ในระยะยาว

สรุป: กรณีของบัดไวเซอร์และ Star Wars สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของการรักษาภาพลักษณ์และความคาดหวังของฐานลูกค้า การเปลี่ยนแปลงที่ไม่ได้คิดถึงฐานลูกค้าเดิมสามารถนำไปสู่ความล้มเหลวอย่างร้ายแรงในแง่ของการตลาดและการยอมรับของแฟนคลับ ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์สินค้า หรือเรื่องราวในภาพยนตร์ การเข้าใจและตอบสนองต่อความต้องการของฐานลูกค้าหลักเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับความสำเร็จที่ยั่งยืน

---
จริงๆแล้วความเห็นของผองเพื่อน คือพวก woke แค่ต้องการใช้ star war เพื่อส่งข้อความ ตาสว่าง เท่านั้น  ไม่ได้ทำมาเพื่อ แฟน star war ที่ตั้งหน้าตั้งตารอดูตั้งแต่สมัยเด็ก 

---

เพิ่มเติม

Budweiser และ Bud Light เป็นสองแบรนด์เบียร์ภายใต้บริษัท Anheuser-Busch ที่มีความนิยมอย่างแพร่หลาย แต่มีความแตกต่างกันทั้งในด้านลักษณะของผลิตภัณฑ์และกลุ่มเป้าหมาย:

1. Budweiser: เป็นเบียร์ลาเกอร์ที่มีประวัติยาวนานและเป็นที่รู้จักในฐานะ "King of Beers" มีรสชาติที่เข้มข้นและหนักแน่นกว่า ด้วยความพยายามในการรักษาความคลาสสิกและภาพลักษณ์ที่แข็งแกร่ง Budweiser มุ่งเน้นไปที่การตลาดที่ย้ำถึงความเป็นอเมริกันและมรดกของแบรนด์ โดยมีภาพลักษณ์ที่ผูกพันกับกีฬา ความเป็นชาติ และประสบการณ์การดื่มเบียร์แบบดั้งเดิม

2. Bud Light: เป็นเวอร์ชันที่เบากว่าและมีแคลอรี่น้อยกว่า Budweiser มีรสชาติที่เบากว่าและเน้นไปที่กลุ่มลูกค้าที่ต้องการทางเลือกที่เบากว่าในการดื่มเบียร์ Bud Light มักจะถูกเชื่อมโยงกับการตลาดที่สนุกสนาน เข้าถึงง่าย และมีแนวทางที่ทันสมัยกว่า เพื่อดึงดูดผู้บริโภคในกลุ่มคนรุ่นใหม่

ความแตกต่างสำคัญระหว่าง Budweiser และ Bud Light จึงอยู่ที่รสชาติและการตลาดของพวกเขา โดยที่ Budweiser ยังคงรักษาภาพลักษณ์ที่แข็งแกร่งและดั้งเดิม ขณะที่ Bud Light มุ่งเน้นไปที่ความเบาและเข้าถึงง่ายมากกว่า

การที่ Bud Light นำกลยุทธ์ที่เรียกว่า "woke" ซึ่งหมายถึงการสนับสนุนและส่งเสริมความหลากหลาย ความเท่าเทียม และการเคลื่อนไหวทางสังคมเช่น LGBTQ+ อาจกระทบต่อ Budweiser เนื่องจากเหตุผลหลายประการ:

1. ภาพลักษณ์และแบรนด์ในเครือ: แม้ว่า Bud Light และ Budweiser จะเป็นสองแบรนด์ที่แยกจากกัน แต่ทั้งคู่ยังคงอยู่ภายใต้บริษัทแม่เดียวกันคือ Anheuser-Busch การเคลื่อนไหวใดๆ ของ Bud Light ที่สร้างความขัดแย้งหรือการวิพากษ์วิจารณ์จากกลุ่มผู้บริโภคบางส่วน อาจทำให้ภาพลักษณ์ของแบรนด์ในเครือ เช่น Budweiser ถูกมองในทางลบด้วย เนื่องจากผู้บริโภคอาจเห็นทั้งสองแบรนด์เป็นส่วนหนึ่งของแนวคิดและท่าทีทางการตลาดเดียวกัน

2. ฐานลูกค้า: Budweiser มีฐานลูกค้าที่กว้างและมักจะเป็นกลุ่มที่มีความอนุรักษ์นิยมมากกว่า การที่ Bud Light สนับสนุนประเด็นทางสังคมบางอย่างที่อาจไม่ถูกใจกลุ่มลูกค้าดังกล่าว อาจส่งผลให้ลูกค้าบางส่วนมอง Budweiser ในทางลบหรือเลิกสนับสนุนผลิตภัณฑ์ทั้งเครือของ Anheuser-Busch

3. ความคาดหวังของลูกค้า: Budweiser มีภาพลักษณ์ที่เชื่อมโยงกับความเป็นอเมริกันดั้งเดิม ความแข็งแกร่ง และความคลาสสิก การที่ Bud Light เลือกที่จะสนับสนุนแนวคิด "woke" อาจทำให้บางคนรู้สึกว่าแบรนด์ทั้งเครือกำลังเปลี่ยนไปจากสิ่งที่พวกเขาคาดหวัง ซึ่งอาจทำให้ความเชื่อมั่นและความภักดีต่อแบรนด์ลดลง

4. ผลกระทบทางธุรกิจ: หากการเคลื่อนไหวของ Bud Light ส่งผลกระทบทางการเงินหรือทำให้ยอดขายลดลง Anheuser-Busch อาจตัดสินใจปรับกลยุทธ์การตลาดของทั้งเครือเพื่อแก้ไขสถานการณ์ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อ Budweiser ไม่ว่าจะเป็นการปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์หรือแนวทางการสื่อสารเพื่อรักษาฐานลูกค้า

 

5 แอปพลิเคชันส่งข้อความที่มีความปลอดภัยสูง

 

ในยุคดิจิทัลที่ข้อมูลส่วนตัวกลายเป็นเรื่องสำคัญมากขึ้น การเลือกใช้แอปพลิเคชันส่งข้อความที่มีความปลอดภัยสูงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการปกป้องข้อมูลของตนเอง ในบทความนี้ เราจะมาสำรวจแอปพลิเคชันยอดนิยมที่มีชื่อเสียงในด้านความปลอดภัย ได้แก่ Telegram, Signal, Keybase, Threema, และ Status พร้อมทั้งแนะนำเว็บไซต์ทางการของแต่ละแอปพลิเคชัน

 

1. Telegram

Telegram เป็นแอปพลิเคชันส่งข้อความยอดนิยมที่มีผู้ใช้งานทั่วโลกมากกว่า 500 ล้านคน Telegram มีชื่อเสียงในการให้บริการส่งข้อความที่รวดเร็วและปลอดภัย โดยมีฟีเจอร์การเข้ารหัสแบบ end-to-end สำหรับการสนทนาแบบลับ (Secret Chats) นอกจากนี้ Telegram ยังรองรับการส่งไฟล์ขนาดใหญ่ และการสร้างกลุ่มที่รองรับผู้เข้าร่วมได้มากถึง 200,000 คน

• เว็บไซต์ทางการ: telegram.org

2. Signal

Signal เป็นแอปพลิเคชันที่เน้นความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยสูงสุด โดยทุกข้อความที่ส่งผ่าน Signal จะถูกเข้ารหัสแบบ end-to-end ทั้งหมด Signal ยังเป็นที่รู้จักในฐานะหนึ่งในแอปพลิเคชันที่ได้รับการแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว รวมถึง Edward Snowden

• เว็บไซต์ทางการ: signal.org

3. Keybase

Keybase เป็นแอปพลิเคชันส่งข้อความและการจัดการไฟล์ที่ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยและความโปร่งใสในการใช้งาน Keybase ใช้การเข้ารหัสแบบ end-to-end สำหรับทุกข้อความและไฟล์ที่ถูกส่งผ่านแอป นอกจากนี้ Keybase ยังมีฟีเจอร์ที่ช่วยในการยืนยันตัวตนของผู้ใช้ด้วยระบบ PGP (Pretty Good Privacy) ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความปลอดภัยระดับสูง

• เว็บไซต์ทางการ: keybase.io

4. Threema

Threema เป็นแอปพลิเคชันส่งข้อความจากสวิตเซอร์แลนด์ที่เน้นความเป็นส่วนตัวอย่างเคร่งครัด โดยผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องใช้หมายเลขโทรศัพท์หรืออีเมลในการสมัครสมาชิก Threema ใช้การเข้ารหัสแบบ end-to-end สำหรับทุกข้อความ, การโทร, ไฟล์, และข้อมูลอื่น ๆ แอปนี้ยังรองรับการส่งข้อความแบบนิรนามและการตรวจสอบตัวตนแบบคิวอาร์โค้ด (QR Code)

• เว็บไซต์ทางการ: threema.ch

5. Status

Status เป็นแอปพลิเคชันส่งข้อความที่สร้างขึ้นบนบล็อกเชนของ Ethereum ทำให้มันมีความปลอดภัยและกระจายศูนย์ (decentralized) โดยสมบูรณ์ นอกจากการส่งข้อความแล้ว Status ยังรองรับการใช้งานแอปพลิเคชันกระจายศูนย์ (dApps) และการเก็บรักษาคริปโตเคอร์เรนซี ทำให้มันเป็นแอปที่เหมาะสำหรับผู้ใช้งานคริปโต

• เว็บไซต์ทางการ: status.im

สรุป

การเลือกใช้แอปพลิเคชันส่งข้อความที่มีความปลอดภัยสูงอย่าง Telegram, Signal, Keybase, Threema, และ Status เป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการปกป้องข้อมูลส่วนตัวและความเป็นส่วนตัวของตนเอง แต่ละแอปมีคุณสมบัติที่โดดเด่นและเหมาะสมกับการใช้งานที่แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ใช้เอง

หากคุณกำลังมองหาแอปพลิเคชันที่ปลอดภัยและน่าเชื่อถือ ลองสำรวจตัวเลือกเหล่านี้และเลือกสิ่งที่เหมาะกับคุณที่สุด

 

CEO Telegram โดน ตำรวจฝรั่งเศสจับคาสนามบิน ทำไมชุมชนคริปโตถึงได้กังวล

 

https://x.com/elonmusk/status/1827572720936030703

Pavel Durov ผู้ก่อตั้งและ CEO ของแอป Telegram ถูกจับกุมในฝรั่งเศส เนื่องจากปัญหาเกี่ยวกับการควบคุมเนื้อหาในแอปตามที่ Reuters รายงาน Elon Musk ซึ่งเป็นเจ้าของ Twitter (ปัจจุบันเรียกว่า X) ได้ออกมาพูดถึงการจับกุมของ Durov บนแพลตฟอร์มของเขาเอง

Musk ทวีตว่า ลองนึกภาพว่าอีกหกปีข้างหน้า หลังจาก Durov ถูกจับ ผู้คนอาจถูก "ประหารชีวิตเพียงเพราะกดถูกใจมุกตลกในมีม" จากนั้นเขาก็ใช้แฮชแท็ก #FreePavel เพื่อเรียกร้องให้ปล่อยตัว Durov พร้อมกับแชร์การสัมภาษณ์ที่ Durov เคยชื่นชม Musk ที่ส่งเสริมเสรีภาพในการพูดบน Twitter

Musk ยังรีทวีตโพสต์เกี่ยวกับการจับกุมของ Durov และแสดงความกังวลว่าในอนาคต ผู้คนอาจถูกลงโทษหนักเพียงเพราะชอบมีมตลก เขายังแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งที่สอง (เกี่ยวกับสิทธิในการครอบครองอาวุธ) เป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งแรก (เกี่ยวกับเสรีภาพในการพูด) ยังคงอยู่ได้ในระยะยาว

เมื่อ Caitlyn Jenner ทวีตว่า "Telegram โดนวันนี้ แล้วใครจะเป็นรายต่อไป? ไม่มีใครปลอดภัย" Musk ก็ตอบว่า "ใช่ นี่มันแย่มาก!"

 ----------

สำหรับชุมชนคริปโต การจับกุมของ Pavel Durov นั้นน่ากังวลในหลายประเด็น:

1. ความเสี่ยงด้านเสรีภาพในการสื่อสาร: Telegram เป็นแพลตฟอร์มสำคัญสำหรับการสื่อสารในชุมชนคริปโต เนื่องจากมีการส่งข้อความที่เข้ารหัสและให้ความเป็นส่วนตัวสูง หากมีการกดดันจากรัฐบาลหรือหน่วยงานต่าง ๆ ให้ Telegram เพิ่มการควบคุมเนื้อหา หรือหากแพลตฟอร์มนี้ถูกคุกคามในด้านการดำเนินงาน อาจส่งผลกระทบต่อความเป็นส่วนตัวและเสรีภาพในการสื่อสารของผู้ใช้งานในชุมชนคริปโต

2. ความเสี่ยงทางกฎหมาย: การที่ Durov ถูกจับกุมจากข้อกล่าวหาที่เกี่ยวข้องกับการไม่สามารถควบคุมเนื้อหาในแพลตฟอร์มได้ อาจเป็นสัญญาณว่ารัฐบาลต่าง ๆ อาจจะเริ่มเข้มงวดมากขึ้นในการควบคุมแพลตฟอร์มที่ให้บริการในชุมชนคริปโต ซึ่งอาจนำไปสู่การออกกฎหมายที่เข้มงวดขึ้นต่อผู้ให้บริการหรือแพลตฟอร์มที่เกี่ยวข้องกับคริปโตเคอร์เรนซี

3. ความเสถียรของแพลตฟอร์ม: หากการจับกุมนี้นำไปสู่การปิดหรือจำกัดการใช้งาน Telegram อาจส่งผลกระทบต่อความเสถียรและความต่อเนื่องของชุมชนคริปโตที่พึ่งพาแพลตฟอร์มนี้ในการสื่อสาร การซื้อขาย และการแลกเปลี่ยนข้อมูล

4. การย้ายแพลตฟอร์ม: หาก Telegram เผชิญกับแรงกดดันอย่างมาก ชุมชนคริปโตอาจจำเป็นต้องหันไปใช้แพลตฟอร์มอื่น ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดความไม่สะดวกและความไม่แน่นอนในการสื่อสารและการแลกเปลี่ยนข้อมูล

ดังนั้น การจับกุมของ Durov อาจเป็นสัญญาณเตือนถึงความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นสำหรับชุมชนคริปโตในเรื่องของเสรีภาพในการสื่อสาร ความเสถียรของแพลตฟอร์ม และการควบคุมจากหน่วยงานทางกฎหมาย

 

 

 ---------------------

 

Pavel Durov ผู้ก่อตั้งและ CEO ของแอปส่งข้อความ Telegram ถูกจับกุมโดยตำรวจฝรั่งเศสที่สนามบิน Le Bourget ใกล้กับกรุงปารีสเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา  ตามหมายจับที่เกี่ยวข้องกับการใช้แอป Telegram ในทางอาญา

เหตุผลในการสืบสวน Pavel Durov คือการที่เขาถูกสงสัยว่าไม่สามารถควบคุมการใช้แพลตฟอร์ม Telegram เพื่อวัตถุประสงค์ทางอาชญากรรมได้ เช่น การฉ้อโกง การค้ายาเสพติด การกลั่นแกล้งทางไซเบอร์ อาชญากรรมที่มีการจัดตั้งองค์กร และการสนับสนุนการก่อการร้าย สืบเนื่องจากการสืบสวนเบื้องต้นที่นำโดย OFMIN ซึ่งเป็นหน่วยงานของฝรั่งเศสที่รับผิดชอบการป้องกันความรุนแรงต่อเด็ก

Pavel Durov ซึ่งถือสัญชาติฝรั่งเศส ถูกจับกุมขณะที่เดินทางด้วยเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวจากอาเซอร์ไบจาน และคาดว่าจะขึ้นศาลในวันอาทิตย์หลังจากการจับกุม

----------

https://cointelegraph.com/news/telegram-ceo-pavel-durov-arrested-france

https://fortune.com/2024/08/13/elon-musk-x-spread-his-views-around-world/

https://heavy.com/entertainment/elon-musk-reacts-pavel-durov-arrest/

ไฟไหม้รถยนต์ไฟฟ้า Mercedes-Benz EQE แต่ความซวย มาตกที่ Tesla

 

 เกิดเหตุไฟไหม้รถยนต์ไฟฟ้า Mercedes-Benz EQE ที่จอดอยู่ในลานจอดรถใต้ดินในเกาหลีใต้ แต่ความซวยไม่ได้หยุดแค่ที่ Mercedes-Benz เท่านั้น ไฟยังลามไปยังรถที่จอดร่วมชั้นกว่าร้อยคันอีกด้วย และยังไม่จบ หลังจากสื่อโสมขาวตีข่าวไปทั่วประเทศ ทำให้ประชาชน แห่ยกเลิกการจอง ซึ่ง Tesla ได้ รับเคราะห์ความซวย  จาก  Mercedes-Benz ไปด้วย

 
--------------

เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2024 ที่ผ่านมา เกิดเหตุไฟไหม้รถยนต์ไฟฟ้า Mercedes-Benz EQE ในลานจอดรถใต้ดินที่อินชอน ประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งส่งผลให้เกิดความเสียหายกับรถยนต์อื่น ๆ อีกกว่า 140 คัน และทำให้มีผู้บาดเจ็บหลายคน เหตุการณ์นี้ทำให้ประชาชนเกาหลีเกิดความตื่นตระหนกและส่งผลให้มีการยกเลิกการจองรถยนต์ไฟฟ้ารวมถึง Tesla ด้วย เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของรถยนต์ไฟฟ้า อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีข้อมูลแน่ชัดว่าสาเหตุของการเกิดไฟไหม้ครั้งนี้มาจากอะไ

 

https://paultan.org/2024/08/23/korean-ev-owners-angered-by-seoul-govt-plans-to-ban-fully-charged-evs-from-basement-parking-after-fire/

แนะนำโปรแกรม ทดสอบเครื่อง/cpu/gpu เบื้องต้นสำหรับ คนที่ซื้อคอมใหม่

 

 

แนะนำโปรแกรม ทดสอบเครื่อง/cpu/gpu เบื้องต้นสำหรับ คนที่ซื้อคอมใหม่

1. 3DMark: เป็นเครื่องมือทดสอบประสิทธิภาพ (Benchmarking) ที่ใช้สำหรับวัดและเปรียบเทียบประสิทธิภาพของคอมพิวเตอร์ในการเล่นเกม โดยจะรันการทดสอบที่วัดประสิทธิภาพของ GPU (Graphics Processing Unit) ในการแสดงผลกราฟิก 3D
   

2. Cinebench: Cinebench เป็นชุดทดสอบประสิทธิภาพข้ามแพลตฟอร์มที่ประเมินความสามารถของฮาร์ดแวร์คอมพิวเตอร์ โดยเป็นเครื่องมือที่นิยมใช้ในการทดสอบประสิทธิภาพของ CPU เพราะมันจะเรนเดอร์ฉาก 3D และวัดความเร็วในการจัดการของ CPU [Free]

3. Core Temp: โปรแกรมนี้เป็นโปรแกรมขนาดเล็กที่ไม่มีการตกแต่งมากมาย แต่มีพลังในการตรวจสอบอุณหภูมิของโปรเซสเซอร์และข้อมูลสำคัญอื่นๆ โดยจะแสดงอุณหภูมิของแกนแต่ละแกนใน CPU แบบเรียลไทม์ [Free]

4. CPUID CPU-Z: CPU-Z ให้ข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับฮาร์ดแวร์ของคอมพิวเตอร์ของคุณ เช่น CPU, เมนบอร์ด, หน่วยความจำ และอื่นๆ มักจะใช้เพื่อเช็คว่าฮาร์ดแวร์ของคุณทำงานตามที่คาดไว้หรือไม่ หรือช่วยในการโอเวอร์คล็อก [Free]

5. CPUID HWMonitor: ซอฟต์แวร์นี้ใช้ในการตรวจสอบเซ็นเซอร์ต่างๆ ของฮาร์ดแวร์ เช่น อุณหภูมิ, แรงดันไฟฟ้า, และความเร็วพัดลม ซึ่งมีประโยชน์สำหรับการติดตามสุขภาพของคอมพิวเตอร์ของคุณ โดยเฉพาะในระหว่างการทำงานหนัก [Free]

6. CPUID powerMAX: เป็นเครื่องมือทดสอบความเสถียร (Stress Test) เพื่อยืนยันความเสถียรของพีซีของคุณ มันสามารถทดสอบทั้ง CPU และ GPU พร้อมกัน ซึ่งช่วยทดสอบการทำงานของระบบระบายความร้อนและความเสถียรของระบบในสภาวะที่รุนแรง [Free]

7. PCMark 10: เป็นเครื่องมือทดสอบประสิทธิภาพครอบคลุมทุกด้าน ซึ่งออกแบบมาเพื่อทดสอบและเปรียบเทียบประสิทธิภาพของระบบทั้งหมด โดยมีการทดสอบต่างๆ ที่จำลองการทำงานประจำวัน เช่น การท่องเว็บ, วิดีโอคอนเฟอเรนซ์, และการทำงานกับแอปพลิเคชันสำนักงาน

8. UserBenchmark: เป็นเครื่องมือทดสอบประสิทธิภาพฟรีที่วัดประสิทธิภาพของคอมพิวเตอร์ของคุณในหลายๆ ด้าน เช่น ประสิทธิภาพการเล่นเกม, การใช้งานทั่วไป และการใช้งานในงานประจำวัน จากนั้นจะเปรียบเทียบผลลัพธ์ของคุณกับระบบอื่นที่มีการตั้งค่าคล้ายกัน [Free]

โปรแกรมเหล่านี้มีประโยชน์สำหรับการประเมินประสิทธิภาพของระบบในด้านต่างๆ ตั้งแต่การทดสอบทั่วไปไปจนถึงการตรวจสอบอุณหภูมิและความเสถียรของระบบ

ช่างซ่อมทีวี Samsung ที่จงใจทำลายทีวีของลูกค้าเพื่อเลี่ยงการซ่อมแซม โดยใช้มีดคัตเตอร์กรีดหน้าจอทีวี (ต่างประเทศ)

 ช่างซ่อมของ Samsung มาที่บ้านของฉัน ทำให้ทีวีเสียและติดอยู่ในโหมดบูทลูป จากนั้นบอกว่าการรับประกันของฉันถูกยกเลิกเพราะความเสียหายที่เกิดขึ้น นี่เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งกับช่างซ่อมของ Samsung!

Samsung tech came to my house, damaged my TV and got it stuck in a boot loop. Said my warranty was voided because of the damage. THIS IS AN ONGOING ISSUE WITH SAMSUNG TECHS!!!

เคสล่าสุด  2 เดือนก่อน

เคสแรก ที่ถูกเปิดโปงก่อนหน้า

 

 

 

 

 เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อช่วงตนปี 2024

ลูกค้า Samsung มีปัญหากับทีวี และทีวีอยู่ในระยะประกัน จึง ได้แจ้ง ศูนย์บริการ Samsung

แล้วพอช่างมาบ้าน แทนที่ช่างจะซ่อม หรือ เปลี่ยนให้ใหม่ กลายเป็นว่า ช่าง จงใจ เอามีคัดเตอร์กรีดทีวี

เพื่ออ้างว่า มันมีความเสียหาย ทำให้ประกันขาด   อาจพยายามหลีกเลี่ยงการซ่อมแซม แต่เดชบุญ คุณลูกค้า มีหลักฐาน ในการ ทำลายทีวี ของช่าง

ซึ่งมีหลายคนสงสัยด้วยซ้ำ ว่านี้เป็นนโยบาย ของทางศูนย์เอง แต่ไม่มีหลักฐาน

สาเหตุ เพราะ ทาง Samsung  ได้เคย บ่ายเบี่ยงลูกค้า และอ้างว่าประกันหมดแล้ว จนลูกค้าสามารถหาหลักฐานมายัน ตามคำพูดนี้ บนเรดดิก

 

"ตอนนี้กำลังต่อสู้กับ Samsung เรื่องการรับประกัน สรุปสั้นๆ คือพวกเขาปฏิเสธฉันโดยอ้างว่าผลิตภัณฑ์หมดประกันแล้ว ฉันต้องอัปโหลดใบเสร็จเข้าสู่ระบบ (ฉันซื้อมาจากพวกเขาเอง มีข้อมูลครบแล้ว) พออัปโหลดก็ยังถูกปฏิเสธอีก ฉันต้องส่งเอกสารใหม่จนกว่าพวกเขาจะยอมรับ จากนั้นพวกเขาก็ปิดเคสโดยไม่แจ้งเหตุผล ฉันต้องเปิดเคสใหม่และทำขั้นตอนเดิมทั้งหมดอีกครั้ง ฉันคิดว่าพวกเขาไม่พอใจที่ผลิตภัณฑ์ยังอยู่ในประกันเมื่อตอนฉันขอซ่อม"

"และนี่คือเวอร์ชันสั้นๆ ทีวีเครื่องนี้สร้างปัญหามาตลอดตั้งแต่ซื้อมา และ Samsung ทำทุกวิถีทางเพื่อไม่ให้ฉันได้ซ่อมมัน หลังจากซื้อมา 20 วัน ฉันต้องสู้เพื่อให้พวกเขาส่งช่างออกมาตรวจสอบและยืนยันปัญหา แต่ Samsung กลับไม่อนุมัติการซ่อม ช่างไม่สามารถทำอะไรได้และต้องกลับไป พวกเขาปิดเคสว่า 'ไม่พบปัญหา' แถมบอกฉันว่าไม่สามารถคืนสินค้าได้เพราะฉันไปรับสินค้าที่ Best Buy ซึ่งมีกำหนดการคืนสินค้าแตกต่างกัน"

"เพื่อนๆ ของเราที่ซื้ออุปกรณ์อื่นๆ จาก Samsung ก็เจอปัญหาแบบเดียวกัน ฉันจะไม่ซื้อสินค้าจากพวกเขาอีกเลย"

 ข้อความต้นฉบับ ก่อนแปล https://www.reddit.com/r/videos/comments/1ajfxba/removed_by_reddit/

Fighting Samsung right now over warranty. Very very long story short they denied me saying the product was out of warranty. I had to upload the invoice to their ticket system( I bought the TV from them by the way. They have all the info). I did what they asked and they denied it again saying it wasn't enough info. So I had to do it all over again with different documents until they accepted it. Then they closed the ticket without any reasoning and I had to go have a new ticket opened and do the whole process over. I think they're pissed it is still in warranty when they thought it was out of warranty when I made the repair request.

And yes that's the short version. This TV has been a nightmare since I got it and Samsung goes out of their way to fuck me over it. 20 days after I got it, had to fight them to send a tech out and he investigated, confirmed the problem and called in to Samsung to get approval to complete the repair. They straight up told him no(he had them on speaker) they weren't going to authorize the repair. He couldn't do shit so he left. Samsung closed the ticket "no defect found". Oh and they told me I couldn't return it within the return window because I had picked it up at best buy and that's a different return window.....

Same happened to our friends with other appliances. They are such a trash company I will never buy another thing from them.

สุดท้าย หลักจากคลิปถูกปล่อยในยูทูป เป็นเวลานาน ทาง Samsung ก็ได้ออกมา บอกว่า ไล่พนักงานคนนั้นออกแล้ว แต่เราจะไม่ซ่อมทีวีให้ 

พูดง่าย คือ คนซื้อทีวี Samsung รายนั้น ก็เสียทีวีไปฟรีๆ ประมาณว่า Samsung บอกอยากได้การชดเชย ไปฟ้องพนักงานเอาเอง

 

 

 https://www.reddit.com/r/samsung/comments/1dulam0/samsung_tech_came_to_my_house_damaged_my_tv_and/

https://x.com/YourselfSuit/status/1755728305830191128

https://www.youtube.com/watch?v=cyWlACuhqNg

https://www.reddit.com/r/videos/comments/1almhrw/samsung_purposely_knives_customers_tv_to_weasel/

ทฤษฎี Anti-Universe หรือ แอนตี้จักรวาล

 

ทฤษฎี Anti-Universe หรือ แอนตี้จักรวาล เป็นแนวคิดที่เสนอในทางฟิสิกส์ทฤษฎีและจักรวาลวิทยา ซึ่งพยายามอธิบายโครงสร้างและการเกิดขึ้นของจักรวาลที่เราอาศัยอยู่ โดยแนวคิดนี้เกี่ยวข้องกับสมมาตรของเวลาและธรรมชาติที่เป็นภาพสะท้อนกลับด้านของจักรวาลเราเอง มาทำความเข้าใจรายละเอียดของทฤษฎีนี้กัน:

แนวคิดหลักของทฤษฎี Anti-Universe:

1. สมมาตรของเวลา  (Time Symmetry):

   • ทฤษฎี Anti-Universe ตั้งอยู่บนพื้นฐานของแนวคิดที่ว่า เวลาในทางฟิสิกส์อาจมีสมมาตร ซึ่งหมายความว่าเวลาอาจไหลได้ทั้งสองทิศทาง ไม่ว่าจะเป็นไปข้างหน้า (ตามที่เราเข้าใจในจักรวาลของเรา) หรือย้อนกลับไป
   • ในทฤษฎีนี้ จักรวาลของเราถือกำเนิดขึ้นพร้อมกับ "แอนตี้จักรวาล" ซึ่งเป็นจักรวาลที่เวลาไหลย้อนกลับ (จากอนาคตไปยังอดีต) แตกต่างจากจักรวาลของเราที่เวลาไหลจากอดีตไปยังอนาคต

2. ภาพสะท้อนของจักรวาล (Mirror Image of the Universe):

   • แอนตี้จักรวาลเป็นเหมือนภาพสะท้อนกลับด้านของจักรวาลปัจจุบัน ทุกสิ่งในแอนตี้จักรวาลจะ "กลับหัวกลับหาง" เมื่อเทียบกับจักรวาลของเรา เช่น สสารในจักรวาลของเราอาจมีแอนตี้สสารในแอนตี้จักรวาล
   • ทฤษฎีนี้ยังเสนอว่ากฎฟิสิกส์ที่ใช้ในแอนตี้จักรวาลนั้นจะสอดคล้องกับกฎฟิสิกส์ที่ใช้ในจักรวาลของเรา แต่มีความสมมาตรที่ตรงข้ามกัน เช่น การย้อนกลับของเวลาและการกลับด้านของประจุไฟฟ้า

3. การเกิดขึ้นของจักรวาลและแอนตี้จักรวาล (Creation of Universe and Anti-Universe):

   • ทฤษฎี Anti-Universe เสนอว่าเมื่อจักรวาลถือกำเนิดขึ้น (อาจจากบิ๊กแบง) แอนตี้จักรวาลก็เกิดขึ้นพร้อมกัน และเวลาของทั้งสองจักรวาลเริ่มต้นจากจุดเดียวกัน แต่เคลื่อนที่ในทิศทางตรงข้ามกัน
   • สิ่งนี้หมายความว่า แอนตี้จักรวาลไม่ได้เป็นจักรวาลคู่ขนานที่อยู่ที่ไหนสักแห่ง แต่เป็นส่วนหนึ่งของระบบทั้งหมดที่เกิดขึ้นในจุดเริ่มต้นของเวลา

ผลกระทบและความหมายของทฤษฎี:

1. ความเข้าใจใหม่เกี่ยวกับเวลาและสสาร:

   • ทฤษฎี Anti-Universe ช่วยเปิดมุมมองใหม่ในการเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างเวลาและสสารในจักรวาล และอาจเป็นคำอธิบายที่ลึกซึ้งขึ้นเกี่ยวกับการเกิดขึ้นและพัฒนาของจักรวาล
   • มันยังเสนอความเป็นไปได้ว่าทำไมบางคุณสมบัติของจักรวาล เช่น การครอบครองแอนตี้สสารน้อยกว่าสสารจึงเกิดขึ้น

2. การวิจัยเพิ่มเติมและการพิสูจน์:

   • แม้ทฤษฎีนี้จะน่าสนใจ แต่มันยังคงเป็นแนวคิดทฤษฎีที่ต้องการการพิสูจน์เพิ่มเติม โดยต้องมีการวิจัยและการทดลองเพื่อยืนยันหรือหักล้างความเป็นไปได้ของแอนตี้จักรวาล

3. การอธิบายปรากฏการณ์ทางฟิสิกส์:

   • หากทฤษฎี Anti-Universe ถูกพิสูจน์ว่าเป็นจริง มันอาจช่วยอธิบายปรากฏการณ์ต่างๆ ในฟิสิกส์ที่ยังไม่มีคำอธิบายที่สมบูรณ์ เช่น ความไม่สมมาตรของสสารและแอนตี้สสารในจักรวาล หรือธรรมชาติของบิ๊กแบง

 

เขียนและเรียบเรียงโดย Poipoi+chatgpt ความดีความชอบยกให้ AI ส่วนความผิดผลาด อย่าไปด่า AI มันไม่รู้เรื่อง มันไม่เจ็บ มาด่า Poipoi ชัวร์กว่า
-------------

 

ถ้า ทฤษฎีสมมาตรของเวลา เป็นจริง อาจจะเป็นจักรวาลเราก็ได้ ที่เวลาไหลย้อนกลับ คือเวลาเริ่มต้นจากอนาคต แล้ว วิ่งไปหาอดีต ซึ่งผู้สังเกตุการในจักรวาลนั้น ก็ไม่รู้สึกตัว  แต่อีกใน คือ อนาคตถูกสร้างไปแล้ว ตั้งแต่กำเนิดจักรวาล
และ เนื่องจากสมมาตรของเวลา เมื่อมีเวลาเป็น +T ดังนั้นก็ต้องมีเวลา -T หรือ เวลา T<0 มันก็ดูสมเหตุสมผลดี ส่วนเรื่องของ ลูกศรของเวลา (Arrow of Time) อันนี้ ต่อให้เวลาเราไหลย้อนกลับ หรือ หยุดบ้างเดินบ้าง วนเป็นก้นหอย เราก็ รู้สึกเหมือนเวลาเดินเป็นเส้นตรง
แล้ว ถ้ามีความเป็นไปได้ที่มี ลูกศรของเวลา เกิดขึ้น คู่ไปในทิศทางตรงกันข้ามกัน แล้ว ถ้ามันไม่ได้เกิดขึ้นแค่คู่เดียวละ เป็น 10คู่ 100คู่ หรือ อนันต์ เอาตรงๆ รู้เรื่องพวกนี้ไป ก็เปล่าประโยชน์
เอาเป็นว่า  ถ้ารู้ว่าสงครามโลกครั้งที่สาม เกิดวันไหน จบตอนไหน พื้นที่ไหนปลอดภัย ก็พอแล้วมั้ง? ไม่สิ แค่รู้ว่า หวยออกอะไร ก็ดีพอไหม?

สมัคร Disney+ แล้วเสียสิทธิ์ในการฟ้องร้องต่อ Disney ทุกอย่าง: ความเสี่ยงที่ผู้บริโภคควรรู้

 สมัคร Disney+ แล้วเสียสิทธิ์ในการฟ้องร้องต่อ Disney ทุกอย่าง: ความเสี่ยงที่ผู้บริโภคควรรู้

 

ในยุคดิจิทัลที่การสมัครใช้บริการออนไลน์กลายเป็นเรื่องปกติ ผู้บริโภคอาจไม่ทันสังเกตว่าข้อตกลงที่พวกเขายอมรับเมื่อกด "ยอมรับ" นั้นอาจมีผลกระทบที่ไกลเกินกว่าที่คิด หนึ่งในกรณีที่เป็นที่พูดถึงในวงกว้างคือกรณีของเจฟฟรีย์ พิคโคโล สามีผู้สูญเสียภรรยาจากอาการแพ้อาหาร ซึ่งพบว่าตัวเองไม่สามารถยื่นฟ้องดิสนีย์ได้เนื่องจากเขาได้สมัครใช้บริการ Disney+ เมื่อหลายปีก่อน

ข้อพิพาทที่ไม่คาดคิด: เมื่อการสมัคร Disney+ กลายเป็นข้อผูกมัด

เมื่อเจฟฟรีย์ พิคโคโล ยื่นฟ้องดิสนีย์หลังจากภรรยาของเขาเสียชีวิตจากอาการแพ้อาหารที่ร้านอาหารในดิสนีย์สปริงส์ รัฐฟลอริดา ดิสนีย์กลับตอบโต้ด้วยการยืนยันว่าพิคโคโลได้สละสิทธิ์ในการฟ้องร้องและตกลงที่จะไกล่เกลี่ยข้อพิพาททั้งหมดเมื่อเขาสมัครใช้บริการ Disney+ ในปี 2019 ข้อตกลงนี้แม้จะดูเป็นเพียงข้อตกลงทั่วไปในการใช้บริการสตรีมมิ่ง แต่กลับครอบคลุมไปถึงข้อพิพาทที่เกิดขึ้นในบริบทอื่น ๆ ของธุรกิจดิสนีย์ด้วย

ดิสนีย์ได้ยืนยันในศาลว่าข้อตกลงนี้ครอบคลุมถึงทุกข้อพิพาทที่อาจเกิดขึ้นกับบริษัทและบริษัทในเครือ ไม่ว่าจะเป็นการซื้อบัตรเข้าชมสวนสนุก ( เช่นเสียชีวิตจากเครื่องเล่นก็ด้วย) การใช้แอปพลิเคชัน หรือการรับประทานอาหารในร้านอาหารของดิสนีย์ คำกล่าวนี้ทำให้หลายคนตั้งคำถามว่าข้อตกลงดังกล่าวเป็นธรรมสำหรับผู้บริโภคหรือไม่ ( ผู้ตายมีการแจ้งอาการแพ้แล้ว และทำการถามย้ำหลายรอบ)

มุมมองของผู้บริโภค: ข้อตกลงที่ซ่อนความเสี่ยง

การสมัครใช้บริการออนไลน์มักมาพร้อมกับข้อตกลงที่ยาวและซับซ้อน ผู้บริโภคส่วนใหญ่อาจไม่ได้อ่านรายละเอียดทั้งหมดก่อนที่จะกด "ยอมรับ" ซึ่งเป็นสิ่งที่ดิสนีย์ใช้เป็นข้ออ้างในการปกป้องตัวเองจากคดีความ อย่างไรก็ตาม ข้อตกลงที่ครอบคลุมถึงการละเมิดสิทธิมนุษยชน หรือการเสียชีวิตจากการบริการที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกับบริการสตรีมมิ่งนั้น ถูกมองว่าไม่สมเหตุสมผลและไม่เป็นธรรม

ในกรณีของพิคโคโล ทนายความของเขาได้โต้แย้งว่าข้อตกลงดังกล่าว "ไม่สมเหตุสมผลและไม่เป็นธรรมอย่างรุนแรง" เพราะการสมัครใช้บริการสตรีมมิ่งไม่ควรจะส่งผลให้ผู้บริโภคเสียสิทธิ์ในการฟ้องร้องในกรณีที่มีความร้ายแรงอย่างเช่นการเสียชีวิต

ข้อควรระวังสำหรับผู้บริโภค: อ่านข้อตกลงให้ละเอียด

กรณีของพิคโคโลเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนว่าการยอมรับข้อตกลงออนไลน์โดยไม่อ่านอย่างละเอียดอาจนำไปสู่ผลกระทบที่ไม่คาดคิด แม้ว่าการฟ้องร้องในกรณีนี้ยังคงอยู่ในกระบวนการศาล แต่ก็เป็นการเตือนใจให้ผู้บริโภคต้องระวังและตรวจสอบข้อตกลงก่อนที่จะยอมรับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสมัครใช้บริการที่เกี่ยวข้องกับบริษัทใหญ่ ๆ อย่างดิสนีย์

การทำความเข้าใจข้อตกลงและการสอบถามข้อสงสัยกับผู้ให้บริการก่อนการยอมรับ อาจช่วยปกป้องสิทธิ์ของคุณในกรณีที่มีข้อพิพาทเกิดขึ้น การให้ความสำคัญกับรายละเอียดเหล่านี้จะช่วยให้คุณมีความมั่นใจในการใช้บริการออนไลน์ โดยไม่ต้องเสี่ยงเสียสิทธิ์ที่สำคัญในอนาคต

ภาพผู้เสียชีวิต และสามีของเธอ  https://aseannow.com/topic/1335494-disney-fights-thai-doctor%E2%80%99s-death-lawsuit-citing-husband%E2%80%99s-agreement/

อ้างอิง

https://nypost.com/2024/08/13/us-news/disney-wants-allergy-death-suit-tossed-because-of-disney-subscription/
https://www.malaymail.com/news/life/2024/08/14/disney-seeks-to-dismiss-new-york-doctors-allergy-death-suit-using-disney-subscription-terms/146967

https://www.news18.com/viral/disney-seeks-dismissal-of-nyu-doctors-death-case-cites-husbands-disney-subscription-9015128.html

https://news.abplive.com/news/world/disney-tries-dismiss-wrongful-death-lawsuit-widower-s-disney-subscription-in-florida-1710194

https://aseannow.com/topic/1335494-disney-fights-thai-doctor%E2%80%99s-death-lawsuit-citing-husband%E2%80%99s-agreement/#google_vignette

 https://www.indiatoday.in/world/story/disney-lawsuit-new-york-university-doctor-kanokporn-tangsuan-dismissed-husband-jeffrey-piccolo-streaming-subscription-2582130-2024-08-14